การตั้งค่า แอป ข้อความ (Messages) ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้

คงไม่เคยมีใคร ไม่เคยใช้งาน แอปข้อความ หรือ Messages บน iPhone การรับ/ส่งข้อความ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในการตั้งค่าบางอย่างนั้น หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน และเราจะมาอธิบายให้ได้ทราบกันในหน้านี้

คุณสามารถรับ/ส่งข้อความได้ 3ประเภท: iMessage, SMS และ MMS สำหรับ วิธีจำแนกความแตกต่างระหว่างข้อความ SMS / MMS / iMessage สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในหน้านี้

เริ่มจาก [Setttings]

จากหน้าจอหลัก เลือกแตะที่ [Settings] จากนั้นเลื่อนหน้าจอขึ้นเล็กน้อย เพื่อลงมายังรายการ [Messages] แตะเพื่อเข้าไปตั้งค่า

เริ่มจาก [Setttings]

การตั้งค่า iMessage

เปิดการใช้งาน [iMessage]

iMessage

iMessage คือ การรับส่งข้อความหากันระหว่าง iPhone หรือ iPad หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากต้องการใช้งาน ให้เปิดสวิทซ์ โดยที่หัวข้อ [iMessage] แตะปุ่มให้ เป็นสีเขียว

ตั้งค่า Apple ID

Apple ID

ระบบจะใช้ Apple ID เป็นที่อยู่ในการใช้งาน iMessage เพื่อรับ/ส่งข้อความ อีกทั้งยังเชื่อมโยงเข้ากับ iPad , Mac หรือ อุปกรณ์อื่นๆของ Apple ที่มีการใช้งาน Apple ID เดียวกันอีกด้วย

เลือกแตะที่รายการ [Send & Receive] เพื่อไปยังหน้าจอลงชื่อเข้าใช้

ลงชื่อ เข้าใช้งาน Apple ID

ต่อมาแตะที่ [Use your Apple ID for iMessage] จากนั้นป๊อปอัพแสดงข้อความ [Do you want to use your Apple ID" ○○○○ "for iMessage?] จะปรากฏขึ้น ให้แตะที่ [Sing In] เพื่อลงชื่อเข้าใช้งาน

ลงชื่อ เข้าใช้งาน Apple ID

ตั้งค่า Apple ID เพื่อใช้งานสำเร็จ

Apple ID

คุณได้ลงชื่อเข้าใช้ Apple ID ของคุณ เรียบร้อยแล้ว

คุณสามารถส่งและรับ iMessage โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่อีเมลที่เชื่อมโยงกับ Apple ID ของคุณที่แสดงในรายการ "YOU CAN RECEIVE IMESSAGES TO AND REPLY FROM "

เริ่มการสนทนาใหม่จาก

เริ่มการสนทนาใหม่จาก

ที่หัวข้อ "START NEW CONVERSTION FROM" ให้แตะที่ เบอร์โทรศัพท์ หรือ ที่อยู่อีเมล์ จนปรากฏเครื่องหมายถูกบริเวณด้านหน้า รายการที่คุณต้องการใช้เป็น ตัวเลือกในการเริ่มต้นการแชท

แชร์ชื่อและรูปภาพ

แชร์ชื่อและรูปภาพ

คุณสามารถแบ่งปันชื่อและรูปถ่ายของคุณกับผู้อื่นได้ เมื่อคุณส่งข้อความ สำหรับรูปภาพนั้นสามารถตั้งค่า ได้ทั้งแบบ Memoji หรือรูปภาพโปรดของคุณ

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีหมายเลขโทรศัพท์หลายหมายเลข ที่เชื่อมโยงกับ Apple ID คุณจะไม่สามารถใช้งาน "แชร์ชื่อและรูปภาพ" ได้

แตะที่รายการ [Share Name and Photo]

แชร์ชื่อและรูปภาพ

ในหน้าจอ "Messages" แตะที่รายการ [Share Name and Photo]] เพื่อเริ่มต้นการตั้งค่าในส่วนนี้

สร้าง Memoji

หากคุณยังไม่เคยมีการสร้างหรือตั้งค่า Memoji มาก่อน หน้าจอ " Create Your Memoji " จะปรากฏขึ้น แตุที่ [Get Started!] เพื่อเริ่มต้นสร้าง Memoji ที่จะใช้บ่งบอกความเป็นตัวคุณ กำหนดได้ละเอียดมาก ทั้งสีผิว สีตา สีปาก เครื่องประดับ ฯลฯ เมื่อได้ตรงตามความต้องการแล้ว แตะที่ [Done] บริเวณมุมด้านบนขวามือ และคุณยังสามารถข้ามขั้นตอนการสร้าง Memoji และไปตั้งค่าในภายหลังได้เช่นเดียวกัน โดยให้เลือกแตะที่หัวข้อ [Set Up Later in Messages] หากต้องการข้าม

สร้าง Memoji

เลือกรูปที่ต้องการจะแชร์

ในหน้าจอถัดมา ให้แตะที่หัวข้อ [Choose Name and Photo] จากนั้นเลือกแตะ รูปภาพ ที่คุณต้องการใช้เป็นรูประจำตัวสำหรับแชร์ ต่อมาแตะที่ [Continue] เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

เลือกรูปที่ต้องการจะแชร์

กำหนดชื่อและวิธีการแชร์

กำหนดชื่อและวิธีการแชร์

แตะเพื่อ ใส่ชื่อ-นามสกุล และเลือก การแชร์ชื่อและรูปภาพโดยอัตโนมัติ ตามที่ต้องการใช้งาน โดย

Contacts Only・・・ นั้นจะแชร์ชื่อและรูปภาพที่อัพเดทกับผู้ที่อยู่ในรายชื่อของคุณ เมื่อคุณส่งข้อความในครั้งถัดไปโดยอัตโนมัติ
Always Ask・・・ สำหรับตัวเลือกนี้ คุณจะถูกถามก่อนทุกครั้ง ที่จะแชร์ชื่อและรูปภาพของคุณ

เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แตะที่ [Done] เป็นอันเสร็จสิ้นการตั้งค่า ในการแชร์ชื่อและรูปภาพของคุณ

แสดงรูปภาพรายชื่อ

แสดงรูปภาพรายชื่อ

คุณสามารถตั้งค่าให้แอปข้อความของคุณนั้น แสดงรูปภาพรายชื่อ หรือไม่ก็ได้ โดยแตะที่หัวข้อ [Show Contact Photos]แแล้ว เปิดสวิทซ์ (ปุ่มเป็นสีเขียว) หากต้องการให้แสดงรูปภาพรายชื่อ

ภาพด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ ระหว่าง การตั้งค่าให้แสดงรูปภาพรายชื่อ และ ตั้งค่า ไม่ให้แสดงรูปภาพรายชื่อ

แสดงรูปภาพรายชื่อ

อนุญาตให้แสดงข้อความ SMS/MMS บน iPad หรือ Mac

iPhone นั้นมีคุณสมบัติที่มีชื่อว่า "ความต่อเนื่อง ข้อความ SMS/MMS" เปิดใช้งานได้ที่หัวช้อ [Text Messasges Forwarding] เมื่อแตะเข้ามาแล้ว หากคุณมีอุปกรณ์ อุปกรณ์ iOS เครื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น iPad /Mac และอื่นๆ ที่มีการลงชื่อเข้าใช้งาน Apple ID เดียวกัน หน้าจอจะแสดง รายการอุปกรณ์ ทั้งหมดที่คุณมี แตะเปิดสวิทซ์ อุปกรณ์ที่คุณต้องการให้แสดง ข้อความ SMS/MMS ทั้งหมดที่คุณส่งและรับบน iPhone ให้แสดงบนอุปกรณ์นั้นด้วยเช่นกัน

อนุญาตให้แสดงข้อความ SMS/MMS บน iPad หรือ Mac

แจ้งว่าได้อ่านแล้ว

แจ้งว่าได้อ่านแล้ว

ในการรับ / ส่ง ข้อความด้วย iMessage เมื่อคุณเปิดข้อความที่พวกเขาเหล่านั้น ส่งมา คุณสามาตั้งค่าให้แสดง คำว่า "อ่านแล้ว" หรือ "Read" ปรากฏกำกับใต้ข้อความบนหน้าจอของอีกฝ่าย เพื่อแจ้งให้ผู้ส่งรับทราบได้

เปิดสวิทซ์ที่หัวข้อ [Send Read Receipts]

เปิดสวิทซ์ที่หัวข้อ [Send Read Receipts]

ที่หัวข้อ [Send Read Receipts] แตะเพื่อ เปิดสวิทซ์ (ปุ่มเป็นสีเขียว) หากต้องการเปิดใช้งาน

เมื่อ iMessage ไม่พร้อมใช้งาน ให้ส่งเป็น SMS แทน

เมื่อ iMessage ไม่พร้อมใช้งาน ให้ส่งเป็น SMS แทน

หากส่งข้อความแบบ iMessage ไม่สำเร็จ เมื่อต้องการให้มีการส่งข้อความดังกล่าว เป็นแบบ SMS แทน ให้แตะที่ [Send as SMS] แล้ว เปิดสวิทซ์ (ปุ่มเป็นสีเขียว) เพื่อใช้งาน

เมื่อ iMessage ไม่พร้อมใช้งาน ให้ส่งเป็น SMS แทน

เมื่อ iMessage ไม่พร้อมใช้งาน ให้ส่งเป็น SMS แทน

iMessage และ MMS สามารถใส่หัวข้อในการสนทนาได้หาก เปิดสวิทซ์ ที่รายการ [Show Subject Field] โดยช่องชื่อเรื่องจะแสดงอยู่ด้านบนช่องการพิมพ์ข้อความ

และที่หัวข้อ [Character Count] หาก เปิดสวิทซ์ ในหน้าจอการพิมพ์ข้อความ SMS จำนวนตัวอักษรจะแสดงกำกับให้ได้ทราบ

บล็อค/ปิดกัั้น รายชื่อที่ไม่ต้องการ

สามารถตั้งค่าการปฏิเสธการรับข้อความเข้า จากบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อได้ โดยจะไม่สามารถรับข้อความเข้าจากผู้ติดต่อดังกล่าว เช่นเดียวกับการบล็อคการโทรเข้า แต่ยังสามารถส่งข้อความไปยังบุคคลนั้นได้หากต้องการ

แตะที่ [Add New..] ในรายการ [Blocked Contacts]

เลือกแตะที่รายการ [Blocked Contacts] จากนั้น แตะที่ [Add New...] เพื่อไปยังรายชื่อที่ต้องการปิดกั้น

แตะที่ [Add New..] ในรายการ [Blocked Contacts]

เลือกรายชื่อผู้ติดต่อ

แตะที่ รายชื่อผู้ติดต่อ ที่คุณต้องการจะบล็อค จากนั้น รายชื่อดังกล่าว จะมาปรากฎขึ้นที่หน้าจอ " Blocked Contancts" นั่นหมายถึง การตั้งค่าการบล็อคเสร็จสมบูรณ์

เลือกรายชื่อผู้ติดต่อ

ระยะเวลาการจัดเก็บข้อความ

คุณสามารถตั้งค่าระยะเวลาในการจัดเก็บประวัติข้อความได้ด้วย ซึ่งการลบประวัติข้อความที่เก่ามากๆ ก็จะมีผลดีในเรื่องการเพิ่มหน่วยจัดเก็บข้อมูลขึ้นมา (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น)

เลือกระยะเวลาการจัดเก็บ

แตะที่รายการ [Keep Messages] จากนั้นเลือกระยะเวลาที่ต้องการ ให้แสดงข้อมูลการจัดเก็บประวัติข้อความ

ระยะเวลาการจัดเก็บข้อความ

ข้อความที่เก่ากว่าระยะเวลาที่กำหนดจะถูกลบ

ข้อความที่เก่ากว่าระยะเวลาที่กำหนดจะถูกลบ

ในกรณีที่เลือก แตะตัวเลือก การจัดเก็บ [30 Day] หรือ [1 Year] ป๊อปอัพแจ้งเตือน ลบข้อความที่เก่ากว่าระยะเวลาที่กำหนด จะแสดงขึ้น แตะที่ [Delete] เพื่อยืนยันการตั้งค่า และลบข้อความเก่ากว่าทิ้ง

อนุญาตให้แจ้งเตือน

อนุญาตให้แจ้งเตือน

แม้คุณจะตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนไว้ สำหรับผู้ติดต่อบางรายชื่อ แต่คุณจะไม่พลาดข้อความที่การกล่าวถึงชื่อของคุณ เมื่อเปิดใช้งานหัวข้อนี้

※แต่หาก มีการปิดการแจ้งเตือนของแอปข้อความ ที่ศูนย์การแจ้งเตือน แล้วหละก็ คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนแม้ว่าคุณจะกล่าวถึงก็ตาม

เปิดสวิทซ์ที่ [Notify Me]

เปิดสวิทซ์ที่ [Notify Me]

หากต้องการตั้งค่าให้ส่งการแจ้งเตือน เมื่อมีการกล่าวถึงชื่อของคุณ แม้ว่าจะปิดการแจ้งเตือนในรายชื่อบุคคล/กลุ่ม นั้นอยู่ก็ตาม ที่หัวข้อ [Notify Me] แตะเพื่อ เปิดสวิทซ์ ใช้งาน

ฟิลเตอร์ผู้ส่งที่ไม่รู้จัก

ฟิลเตอร์ผู้ส่งที่ไม่รู้จัก

คุณสามารถจัดเรียงข้อความจากผู้ส่งที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อติดต่อของคุณ ไปยังโฟลเดอร์ "ผู้ส่งที่ไม่รู้จัก" ในแอป ข้อความ ได้ เพียงแค่

เปิดสวิทซ์ ที่หัวข้อ [Fiter Unknow Senders]

เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ที่แอปข้อความ จะมีราายการ [Unknow Senders] แสดงขึ้นมา และเมื่อเปิดเข้าไป จะพบกับข้อความ จากผู้ส่งที่ไม่มีอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ ทั้งหมด้ในนี้

ข้อความถููกแบ่งประเภท

ข้อความเสียง

ระยะเวลาหมดอายุ

ในการรับส่งข้อความเสียง หรือ วิดีโอ นั้นไฟล์ข้อความจะไม่คงอยู่ตลอด หลังจากมีการ เปิดฟัง หรือ เปิดดู โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะกำหนดค่า เริ่มต้นไว้ที่ 2 นาที หลังจากมีการเปิด ข้อความเสียงหรือวิดีโอจะถูกลบทิ้งอัตโนมัติ แต่คุณสามารถเลือกกำหนดค่าได้ระหว่าง [After 2 Minutes] หรือ [Never] หากไม่ต้องการให้ไฟล์ถูกลบทิ้ง

ระยะเวลาหมดอายุ<

ยก iPhone ขึ้น เพื่อฟัง

ยก iPhone ขึ้น เพื่อฟัง

ที่รายการ [Raise to Listen] เมื่อ เปิดสวิทซ์ แล้ว เมื่อคุณยก iPhone แนบที่หู ข้อความเสียงจะเล่นอัตโนมัติ

โหมดภาพคุณภาพต่ำ

โหมดภาพคุณภาพต่ำ

เมื่อ เปิดสวิทซ์ ที่รายการ [Low Quality Image Mode] เมื่อคุณส่งรูปภาพในแอปข้อความ รูปภาพนั้นจะถูกส่งด้วยความละเอียดต่ำ ซึ่งช่วยประหยัดความจุข้อมูล และการใช้ข้อมูลเซลลูลาร์ของคุณ

App ประจำเครื่อง