ฟังก์ชันและคุณสมบัติใหม่ของ iPad Air (รุ่นที่ 5) เปรียบเทียบกับรุ่นที่ 4
ในที่สุด iPad Air ใหม่ (รุ่นที่ 5) ก็วางจำหน่ายแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ มาพร้อมกับชิป M1 อันทรงพลัง รองรับ 5G มีสีสันที่สดใส นุ่มนวลสบายตา มาดูฟีเจอร์และสเปกหลักของ iPad Air (รุ่นที่ 5) รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ พร้อมกันกับการเปรียบเทียบระหว่างกับรุ่นที่ 4 กัน ว่ารุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
= สารบัญ บทความ =
・สี
ราคาวางจำหน่ายใน Apple Store
*ราคาดังกล่าว รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
64GB |
256GB |
|
---|---|---|
Wi-Fi |
20,900 ฿ |
25,900 ฿ |
Wi-Fi + Cellular |
25,900 ฿ |
30,900 ฿ |
ความแตกต่างของเสปก ระหว่าง รุ่นที่ 5 กับ รุ่นที่ 4
เมื่อเปรียบเทียบสเปก โดยอ้างอิงจาก เว็บไซต์หลักอย่างเป็นทางการของ Apple ได้ข้อมูลตามตารางดังนี้
|
รุ่นที่ 5 |
รุ่น 4 |
---|---|---|
ชิป |
M1 |
A14 Bionic |
กล้องหน้า |
อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP |
กล้อง FaceTime HD |
การบันทึกวิดีโอ |
บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps |
บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 60 fps |
ระบบเครือข่าย |
5G |
4G |
RAM |
8GB |
- |
การออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องหลัก ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน และทั้งสองรุ่นมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ใกล้เคียงกันมาก ดีไซน์เรียบง่ายในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีด้านข้างแบน มาในดีไซน์ใหม่แบบไม่มีขอบจอ (ขอบบางของหน้าจอ) แสดงผลแบบเต็มหน้าจอ
เปรียบเทียบขนาด
ไม่มีความแตกต่างระหว่างรุ่นก่อนหน้า และ รุ่นใหม่ล่าสุด ในแง่ของขนาด แต่ว่า iPad Air ใหม่ นั้นหนักกว่าเล็กน้อย
|
รุ่นที่ 5 |
รุ่นที่ 4 |
---|---|---|
ขนาดจอภาพ |
10.9 นิ้ว |
10.9 นิ้ว |
ขนาดตัวเครื่อง |
ความสูง:247.6 mm |
ความสูง:247.6 mm |
น้ำหนัก |
461 g(Wi-Fi) |
458 g(Wi-Fi) |
สี
ทางซ้าย คือ รุ่นที่ 5 , ทางขวา คือ รุ่นที่ 4
ทั้งรุ่นที่ 5 และรุ่นที่ 4 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี แต่ 4 สี จะแตกต่างกัน ระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ยกเว้น สีเทาสเปซเกรย์ (สีดำ) เพียงสีเดียวที่เหมือนกัน
รุ่นที่ 5 |
รุ่นที่ 4 |
---|---|
เทาสเปซเกรย์ |
เทาสเปซเกรย์ |
วัสดุตัวเครื่อง
iPad Air (รุ่นที่ 5) ยังคงใช้อะลูมิเนียมสำหรับตัวเครื่อง เช่นเดียวกับรุ่นที่ 4 พื้นผิวเมทัลลิก มันวาว สร้างบรรยากาศที่มีสไตล์พร้อมทั้งใช้งานง่าย ให้สัมผัสที่ดีและทนต่อการลื่นหลุด
จอภาพ
iPad Air ใหม่ มาพร้อมกับจอภาพ Liquid Retina แบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้า ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ที่ 264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi) , ความสว่างสูงสุด (500 นิต) ไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่น รองรับเทคโนโลยี True Tone และ จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3)
นอกจากนี้ยังมีการคลือบสารกันแสงสะท้อน ที่มีการสะท้อนแสงกลับ 1.8% และเป็นจอภาพแบบ Full Laminationซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่กลางแจ้ง และในห้องที่สว่าง หากคุณหมุนตัวเครื่องไปด้านข้างและใช้เป็นลำโพงสเตอริโอ คุณจะสามารถเพลิดเพลินกับภาพที่สมจริงและเสียงสามมิติได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งหน้าจอยังเคลือบสารกันรอยนิ้วมืออีกด้วย
การแสดงผลแบบ True Tone - เทคโนโลยีที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ เพื่อปรับสีและความเข้มของจอแสดงผลเพื่อให้เหมาะสมกับแสงสว่างภายนอก ภาพที่ปรากฏจึงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพิ่มความสบายตาในการใช้งาน
ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 - เทคโนโลยีที่สร้างภาพและวิดีโอได้อย่างสมจริงและเป็นธรรมชาติ ด้วยสีสันที่หลากหลายและช่วงสีที่กว้าง
จอภาพแบบ Full Lamination - เทคโนโลยีที่ผสานรวมจอแสดงผลคริสตัลเหลว แผงสัมผัส และกระจกครอบ นอกเหนือจากการลดแสงสะท้อนแล้ว ยังให้ความรู้สึกในการใช้งานที่สบายอีกด้วย
ระบบการประมวลผล
iPad Air ใหม่ มาในชิป M1 แบบเดียวกันกับ iPad Pro ในทางกลับกัน ชิปในรุ่นก่อนหน้า เป็น A14 Bionic ที่เป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้บนซีรีส์ iPhone 12
ชิป M1 ที่มี CPU 8-core และ กราฟิกแบบ 8‑core ซึ่ง Apple นำเสนอ ว่า iPad Air รุ่นใหม่นี้ "ทรงพลังและมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า" ด้วยความเร็วในการประมวลผลที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 60% และประสิทธิภาพกราฟิกเพิ่มขึ้นสองเท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกเหนือจากความเร็วสูงแล้ว แบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ Neural Engine แบบ 16‑core ที่ออกแบบโดย Apple ช่วยเร่งการเรียนรู้ของระบบให้เร็วขึ้น ยังช่วยให้ตัดต่อวิดีโอ ประมวลผลภาพ อย่างราบรื่นและเล่นเกมที่เน้นกราฟิกได้สบายๆ คุณยังสามารถเพลิดเพลิน กับการจำลองเสมือนจริงด้วย AR (Augmented Reality) ด้วยชิปที่เป็นสมองและหัวใจของอุปกรณ์ อย่างชิป M1 ทำให้ iPad Air พัฒนาขึ้นอย่างทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
ติดตั้ง RAM ขนาด 8 GB
iPad Air (รุ่นที่ 5) มี RAM (หน่วยความจำ)ขนาด 8GB แต่ในรุ่นที่ 4 แม้ว่าจะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จาก Apple แต่จากผลการทดสอบเกณฑ์มาตรฐาน พบว่า บรรจุ RAM ขนาด 4GB รุ่นนี้มีหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แน่นอนว่าประสิทธภาพการทำงานที่ได้รับมีความลื่นไหลกว่าเดิม
กล้อง
กล้องหน้า
หนึ่งในวิวัฒนาการสำคัญจากรุ่นก่อน คือกล้องหน้า กล้องหน้าเปลี่ยน จากกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล มาใช้งานกล้องอัตราไวด์ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (ค่ารูรับแสง f/2.4 มุมมองภาพ 122 องศา)
นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชันใหม่ซูมออก 2เท่า และคุณสมบัติ "จัดให้อยู่ตรงกลาง" (กล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณอยู่กลางเฟรมเสมอ) เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการประชุมออนไลน์และวิดีโอคอล ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการอัปเกรดที่ทันท่วงที นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ฟังก์ชัน " Lens Correction" เพื่อปรับภาพให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
กล้องหลัง
กล้องหลังไม่ได้เปลี่ยนแปลงสเปกหลักใดๆ และยังคงมาพร้อมกล้องเดี่ยว(ไวด์) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (ค่ารูรับแสง: f/1.8) ด้วยกล้องตัวนี้ คุณสามารถใช้งาน ออโต้โฟกัสโดยใช้ Focus Pixels (เทคโนโลยีโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูง) สามารถใช้กล้องหลังแสกนเอการสาร หรือ ถ่ายภาพพาโนรามาสูงสุด 63 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังรองรับ HDR อัจฉริยะ 3 สำหรับภาพถ่าย และ ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า
การบันทึกวิดีโอ
ในด้านของการถ่ายวิดีโอ ยังคงประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ รุ่นที่ 4 ตรงที่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ แต่จะมีฟังกชันเพิ่มเติมเข้ามาคือ ถ่ายวิดีโอที่ระดับ 1080p HD นอกเหนือจาก อัตราเฟรมปกติ (30fps / 60fps) ยังรองรับ 25fps อีกทั้ง iPad Air ใหม่ นี้ มีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว ในระดับภาพยนตร์ ไม่เพียงแต่เฉพาะในระดับ HD และ Full HD เท่านั้น แต่ยังทำได้บนวิดีโอระดับ 4K อีกด้วย นอกจากนี้ บนกล้องหน้า ยังมีฟังก์ชัน ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอ ที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 fps ทำให้ได้คุณภาพที่สมจริง ครบทุกรายละเอียด
Touch ID
สำหรับไบโอเมตริกซ์ เพื่อยืนยันตัวตน บน iPad Air ใหม่จะยังคงใช้ Touch ID (ตรวจสอบด้วยลายนิ้วมือ) เซ็นเซอร์เพื่อแสกนลายนิ้วมือ ยังคงติดตั้งอยู่ในปุ่มด้านบน เช่นเดียวกับรุ่นที่ 4 เนื่องจากคณสมบัติการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
แม้ว่าเทคโนโลยีของอุปกรณ์ทั้งหมดจะมีวิวัฒนาการ และคาดว่าจะใช้พลังงานมากขึ้น แต่ด้วยประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของชิป M1 อายุการใช้งานแบตเตอรี่ นั้นมีประสิทธิภาพเท่ากันกับรุ่นที่ 4 จากข้อมูลของ Apple คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้นานถึง 10 ชั่วโมง และผ่านเครือข่ายเครือข่ายข้อมูลเซลลูลาร์ได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมง
ระบบชาร์จไฟ
วิธีการชาร์จก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง บน iPad Air ใหม่ สามารถชาร์จโดย ใช้อะแดปเตอร์แปลงไฟ (20W) ที่ให้มา หรือด้วยคอมพิวเตอร์ โดยใช้สายชาร์จ USB- C ยังไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย เช่น มาตรฐาน Qi และ MagSafe
รองรับการใช้งานกับ USB 3.1 Gen 2
ส่วนช่องต่อนั้น ติดตั้งพอร์ต USB-C ไว้เช่นเดิม และ iPad Air (รุ่นที่ 5) ใหม่ พอร์ต USB-C ที่รองรับ การชาร์จ , DisplayPort และ USB 3.1 รุ่นที่ 2 ซึ่ง USB 3.1 Gen 2 เป็นหนึ่งในมาตรฐาน USB ที่ถ่ายโอนข้อมูลความเร็ว (สูงสุด 10Gb/s) ส่งผลให้ รุ่นที่ 5 สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่าเดิมสองเท่า พอร์ตนี้สามารถเชื่อมต่อกับที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกและกล้องได้ และยังรองรับจอแสดงผลภายนอก ที่มีความละเอียดสูงถึง 6K (อัตราการรีเฟรช 60Hz) อีกด้วย
การรองรับจอภาพภายนอก
ด้วย iPad Air (รุ่นที่ 5) ช่องต่อขยาย พอร์ต USB-C คุณสามารถส่งออก (ฉายภาพ) หน้าจอของ iPad Air ไปยังจอภาพอื่น เช่น บนทีวี โดยใช้สายแปลงหรืออะแดปเตอร์ ได้
การส่งสัญญาณภาพดิจิทัล
iPad Air (รุ่นที่ 5) รองรับมาตรฐานต่อไปนี้
・ส่งสัญญาณผ่าน DisplayPort ในตัวด้วย USB-C
・รองรับการส่งสัญญาณผ่าน VGA, HDMI และ DVI โดยใช้อะแดปเตอร์ (จำหน่ายแยกต่างหาก)
การสะท้อนวิดีโอ
iPad Air (รุ่นที่ 5) รองรับมาตรฐานต่อไปนี้
・การสะท้อนหน้าจอ AirPlay การแสดงผลรูปภาพและวิดีโอไปยัง Apple TV (รุ่นที่ 2 หรือใหม่กว่า) หรือสมาร์ททีวีที่รองรับ AirPlay 2 สูงสุดในระดับ 4K
・รองรับการสะท้อนวิดีโอและการส่งสัญญาณภาพผ่านอะแดปเตอร์มัลติพอร์ต Digital AV แบบ USB‑C และ อะแดปเตอร์มัลติพอร์ต VGA แบบ USB‑C (อะแดปเตอร์จำหน่ายแยกต่างหาก)
5G และ Wi-Fi 6
นับจากการเปิดตัว iPad Pro ของปีที่แล้ว ก็เป็น iPad Air (รุ่น Wi-Fi + Cellular) ที่รองรับการใช้งานบน ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่าย 5G (แถบความถี่ Sub-6) ความเร็วสูงสุด 3.5 Gbps ซึ่งมากกว่า 4G ถึง 20 เท่า โดยในอนาคต เทคโนโลยี 5G ความเร็วสูง ความจุสูง และเสถียรจะมีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแต่ในด้านความบันเทิง อย่างการสตรีม หรือการเล่นเกม AR / VR เท่านั้น แต่ยังรวมถึง การสื่อสารทางธุรกิจ เช่น การประชุมออนไลน์ที่ได้คุณภาพสูง แล ะการรับ/ส่งข้อมูลขนาดใหญ่ อีกทั้งจะครอบคุลมในหลากหลายอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น
ส่วนในมาตรฐาน Wi-Fi นั้น ทุกรุ่นของ iPad Air ใหม่ รองรับ Wi-Fi 6
ซิมการ์ด และ eSIM
iPad Air ใหม่ (รุ่น Wi-Fi + Cellular) รวมทั้งรุ่นก่อนหน้านี้ รองรับระบบ ซิมการ์ด (นาโน SIM) ที่สามารถใส่และถอดออกจากเครื่อง และ ซิมดิจิตอล (eSIM) ที่ฝังอยู่ในเครื่องได้ คุณสามารถใส่ ซิมการ์ดและ eSIM ในโหมดสแตนด์บาย ได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยัง รองรับ Apple SIM ด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันไม่รองรับการใช้งานแบบ eSIM คู่ ที่ iPhone 13 ทำได้
Apple Pencil และ คีย์บอร์ด
อุปกรณ์เสริมของแท้ ที่รองรับการใช้งานบน iPad Air (รุ่นที่ 5) ได้แก่ Apple Pencil (รุ่นที่ 2), Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio
Apple Pencil
โดย Apple Pencil (รุ่นที่ 2) นั้นที่สามารถเขียน (วาด) ได้อย่างแม่นยำระดับพิกเซล มีความหน่วงต่ำ ทำให้การเขียนหรือวาดมีความลื่นไหลตามธรรมชาติราวกับว่าคุณกำลังใช้ดินสอ เลยทีเดียว
Magic Keyboard
Magic Keyboard คือคีย์บอร์ดที่มีแทร็คแพดในตัว ไม่เพียงแต่ใช้งานง่าย ยังมีดีไซน์แบบยกลอย ที่ปรับเอนได้ โดยจะยึดตัวเครื่อง iPad Air ไว้ด้วยแม่เหล็ก และสามารถปรับมุมในการมองให้ลงตัว ในแบบที่คุณต้องการได้อย่างลื่นไหล
Smart Keyboard Folio
Smart Keyboard Folio เป็นแป้นพิมพ์ที่สามารถ ปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกเหนือจากคุณสมบัติ ที่สามารถใช้พิมพ์ได้ง่ายและสะดวกแล้ว ยังเป็นที่นิยมอีกด้วย เพราะมีราคาถูกและเบากว่า Magic Keyboard
|
|
บทความที่เกี่ยวข้อง
Latest News
iOS 16.3 และ iPadOS 16.3 พร้อมให้อัปเดต | 24/1 |
วิธีใช้ Apple Music Sing ฟังก์ชั่นร้องคาราโอเกะ บน iOS 16.2 | 18/12 |
iOS 16.2 และ iPadOS 16.2 มาแล้ว พร้อมแอปใหม่ "Freeform" | 14/12 |
iPhone 15 : รวมทุกข้อมูลอัพเดทล่าสุด ให้คุณรู้ก่อนใคร | 29/11 |
iOS 16: วิธีดูรหัสผ่าน Wi-Fi ที่กำลังเชื่อมต่อ และจากประวัติการใช้งาน | 10/11 |
iOS 16.1.1และ iPadOS 16.1.1 อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องและความปลอดภัย | 10/11 |
iOS 16: วิธียกเลิกส่ง บนแอป เมล (Mail) | 05/11 |
วิธีใช้กล้องอัลตร้าไวด์ / กล้องไวด์ / กล้อง เทเลโฟโต้ | 27/10 |
iOS 16.1 และ iPadOS 16.1 ปล่อยให้อัปเดตแล้ว | 25/10 |
iPhone 14 กับ iPhone 13 เปรียบเทียบกันแบบละเอียด | 24/10 |
iPhone News | iPad News |