iPad รุ่นที่ 9 กับ iPad mini รุ่นที่ 6 เทียบกันแล้ว รุ่นไหนน่าใช้กว่ากัน

สำหรับ iPad ใหม่ (รุ่นที่ 9) และ iPad mini ใหม่ (รุ่นที่ 6) วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ใน Apple Store ของไทย ทั้งสองรุ่นนี้ เรียกได้ว่าเป็น 2 รุ่นที่น่าจับมอง โดย iPad mini รุ่นใหม่นี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงแบบใหม่หมด ทั้งรูปลักษณ์และฟังก์ชันในการใช้งาน ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบความต่างระหว่างสองรุ่นล่าสุด iPad รุ่นมาตรฐาน กับ iPad mini ขนาด กระทัดรัด พกพาสะดวก ว่ารุ่นไหนที่ควรซื้อ และเหมาะกับการใช้งานของคุณ

ราคา

iPad mini (รุ่นที่ 6) ในทุกรุ่น นั้นราคาจะสูงกว่า iPad รุ่นมาตรฐาน (รุ่นที่ 9) ประมาณ 6,500 บาท เป็นต้นไป หากคุณดูความแตกต่างในเรื่องของราคา ของ 2 รุ่นนี้ เราสามารถพูดได้ว่าแตกต่างกันมากพอสมควรทีเดียว

รุ่น

iPad(รุ่นที่ 9)

iPad mini(รุ่นที่ 6)

64GB

Wi-Fi

11,400 ฿

17,900 ฿

Wi-Fi + Cellular

16,400฿

23,400 ฿

256GB

Wi-Fi

16,900 ฿

23,400 ฿

Wi-Fi + Cellular

21,900 ฿

28,900 ฿

พื้นที่จัดเก็บข้อมูล

ทั้ง iPad (รุ่นที่ 9) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) มีจำหน่ายในขนาดความจุข้อมูล สองขนาด คือ 64GB และ 256GB iPad (รุ่นที่ 9) มีความจุเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเดิม 32GB และ จาก 128GB เป็น 256GB ตามลำดับ

ขนาด

ขนาด

ซ้าย iPad(รุ่นที่ 9), ขวา iPad mini(รุ่นที่ 6)

 

iPad

iPad mini

น้ำหนัก

487 g

293 g

น้ำหนัก

498 g

297 g

ความสูง

250.6 mm

195.4 mm

ความกว้าง

174.1 mm

134.8 mm

ความหนา

7.5 mm

6.3 mm

iPad mini (รุ่นที่ 6) จะมีความสูงและความกว้างน้อยกว่า iPad (รุ่นที่ 9) และบางกว่า iPad (รุ่นที่ 9) และยังเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ถึง 3 กรัม ส่วนขนาดนั้น iPad mini (รุ่นที่ 6) มีความสูงลดลงประมาณ 8 มม. สมชื่อ "mini" แต่หนากว่ารุ่นก่อนนี้ 0.2 มม.

การออกแบบ

ในด้านของ iPad (รุ่นที่ 9) นั้นการออกแบบตามมาตรฐานของ iPad ที่ยังคงมีขอบด้านบนและด้านล่างที่กว้างอยู่ รวมทั้งยังคงปุ่มโฮมไว้บนหน้าจอ

การออกแบบ

iPad(รุ่นที่ 9)

ในด้านของ iPad (รุ่นที่ 9) นั้นการออกแบบตามมาตรฐานของ iPad ที่ยังคงมีขอบด้านบนและด้านล่างรวมทั้งปุ่มโฮม

iPad mini

iPad mini(รุ่นที่ 6)

แต่พอมาดูด้าน iPad mini (รุ่นที่ 6) ปุ่มโฮมถูกย้ายตำแหน่งออกจากหน้าจอไป ทำให้ได้หน้าจอแบบเต็มหน้าจอ กว้างมากขึ้น ซึ่งขอบด้านด้านบนและด้านล่างนั้นแคบลงอย่างมาก อีกทั้งตัวเครื่องขอบมนแบบเดิมก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นขอบที่มีความเหลี่ยมมากขึ้นด้วย

จอภาพ

จอภาพ

iPad mini(รุ่นที่ 6)

iPad (รุ่นที่ 9) ใช้จอภาพแบบ Retina ขนาด 10.2 ส่วน iPad mini (รุ่นที่ 6) ใช้จอภาพแบบ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว (7.9 นิ้ว) จอภาพแบบ Liquid Retina มีความละเอียดและอัตราส่วนคอนทราสต์สูงกว่าจอภาพแบบ Retina ช่วยให้ หน้าจอเวลาแสดงข้อความและรูปภาพชัดเจนและสดใสยิ่งขึ้น

ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 500 นิต และใชเเทคโนโลยี True Tone (ความสามารถในการปรับจอแสดงผลให้เป็นสีที่เหมาะสมที่สุดตามแสงแวดล้อม เช่น แสงแดด) ซึ่งในส่วนนี้ ทั้งสองรุ่นนั้นมีคุณสมบัตินี้เหมือนกัน

ในทางกลับกันนั้น iPad mini (รุ่นที่ 6) รองรับช่วงสีที่กว้างถึง (P3) ช่วยให้ถ่ายทอดสีได้สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน (การสะท้อนแสง 1.8%) ที่จอแบบจอแสดงผล Liquid Retina จากนั้นก็ครอบด้วย ฝาครอบที่เป็นกระจกสารป้องกันแสงสะท้อน ซึ่งเมื่อทั้งหมดทำงานผสานรวมกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ การลลดการสะท้อนของแสงที่มีคุณภาพ หากใช้ Apple Pencil กับ iPad mini รุ่นล่าสุดนี้ คุณจะได้สัมผัสการวาดภาพที่สมจริงราวกับกำลังวาดภาพบนกระดาษเลยทีเดียว

ประสิทธิภาพการประมวลผล

สำหรับ iPad (รุ่นที่ 9) นั้นใช้ชิป A13 Bionic เช่นเดียวกับที่ใช้บน iPhone 11 ส่วน iPad mini (รุ่นที่ 6) ใช้ชิปตัวใหม่ล่าสุด A15 Bionic

โดย iPad (รุ่นที่ 9) มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึง 20% (หากเทียบกับ แท็บเล็ต Chromebook และ Android รุ่นยอดนิยม จะเร็วกว่าถึง 3 เท่าและ 6 เท่า ตามลำดับ) พลังการประมวลผลของ Neural Engine ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้พลังการเรียนรู้ที่สูงกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น การจดจำข้อความในภาพ (Live Text ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ของ iPadOS 15) เรียกได้ว่า ฉลาดและรวดเร็วขึ้นนั่นเอง

ส่วน iPad mini (รุ่นที่ 6) มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ประสิทธิภาพของ CPU เพิ่มขึ้น 40% และประสิทธิภาพกราฟิก GPU เพิ่มขึ้น 80% Neural Engine ยังสามารถทำงานแมชชีนเลิร์นนิงได้เร็วกว่าปกติถึงสองเท่า การเชื่อมโยงกับ iPadOS 15 ทำให้สามารถแปลตัวอักษรใน Live Text และรูปภาพได้ ถึงเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของ iPad mini(รุ่นที่6) เลยทีเดียว

กล้อง

กล้อง

iPad(รุ่นที่ 9)

กล้องหลัง ของทั้ง iPad (รุ่นที่ 9) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) นั้นเป็นกล้องไวด์ทั้งคู่ แต่ iPad (รุ่นที่ 9) เป็นกล้องไวด์ ที่มีความละเอียด 8MP เช่นเดียวกันกับรุ่นก่อน และค่า F ยังคงเป็น f / 2.4 ในทางกลับกัน คุณภาพของกล้องบน iPad mini (รุ่นที่ 6) ได้รับการอัพเกรดจากเ 8MP เป็น 12MP ค่า F ยังสว่างขึ้นจาก f / 2.4 เป็น f / 1.8 นอกจากนี้ มี True Tone Flash (ฟังก์ชันที่ให้คุณถ่ายภาพได้สวยแม้ในที่มืด ซึ่งแตกต่างจากแฟลชทั่วไป) และใช้ HDRอัจฉริยะ 3 (จดจำรายละเอียดของวัตถุและจดจำสีและพื้นผิวด้วยความสว่างที่เหมาะสม)

สำหรับการบันทึกวิดีโอ iPad mini (รุ่นที่ 6) สามารถบันทึกวิดีโอ 4K / 60fps คุณภาพสูงได้แล้ว และยังรองรับการบันทึกวิดีโอ HD 1080p / 60fps นอกจากนี้ยังมีช่วงไดนามิกที่ขยายได้ถึง 30 fps (ฟังก์ชันที่ปรับความสมดุลระหว่างความสว่างและความมืดให้เหมาะสมที่สุด) แต่ iPad (รุ่นที่ 9) รองรับการบันทึกวิดีโอ HD 1080p / 30fps เพียงเท่านั้น

มาต่อกันที่ กล้องด้านหน้า สำหรับใช้งาน FaceTime ทั้ง iPad (รุ่นที่ 9) และ iPad mini (รุ่นที่ 6) นั้น มาในมาตรฐานเดียวกัน กล้องอัตร้าไวด์ แบบ HD ความละเอียดสูง 12MP ด้วยมุมมองภาพที่กว้างถึง 122 องศา ทำให้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายขึ้น ในส่วนวิดีโอคอลนั้น ทั้งสองรุ่น รองรับคุณสมบัติ "จัดให้อยู่ตรงกลาง" (ฟังก์ชันที่ปรับมุมรับภาพเพื่อให้พอดีกับเฟรมแม้ว่าวัตถุจะเคลื่อนที่) ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับ การทำงานทางไกล Work from home หรือคุยธุรกิจ เช่น การประชุมออนไลน์ การเรียนออนไลน์ เป็นต้น

Touch ID

Touch ID

iPad mini(รุ่นที่ 6)

สำหรับการปลดล็อกและเข้าสู่ระบบ มีการติดตั้ง Touch ID (การตรวจสอบลายนิ้วมือ) เหมือนเดิม เพียงแต่ iPad mini แบบเต็มหน้าจอ (รุ่นที่ 6) ตำแหน่งเซ็นเซอร์ได้ย้ายไปอยู่ที่ปุ่มบนแทน เนื่องจากปุ่มโฮมถูกยกเลิกออกไป

แบตเตอรี่

iPad (รุ่นที่ 9) มีความจุแบตเตอรี่ 32.4Wh สำหรับ iPad mini (รุ่นที่ 6) อยู่ที่ 19.3Wh เมื่อพิจารณาจากขนาดของตัวเครื่องแล้ว ด้วยขนาดของความจุที่แตกต่างกันนั้น เชื่อได้ว่า ย่อมส่งผลถึง ระยะเวลาการใช้งาน แต่ Apple ก็ได้ยืนยันว่า ไม่มีความแตกต่างกัน การใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi และเวลาเล่นวิดีโอ ของทั้ง 2 รุ่น อยู่ที่สูงสุด 10 ชั่วโมง ส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านการเชื่อมต่อ Cellular สูงสุด 9 ชั่วโมง

พอร์ต(Lightning/USB-C และช่องเสียบหูฟัง)

iPad (รุ่นที่ 9) ยังคงใช้ช่องต่อแบบ Lightning และช่องเสียบหูฟังยังคงอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ในขณะที่ iPad mini (รุ่นที่ 6) ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ช่องต่อ แบบ USB-C และไม่มีช่องเสียบหูฟัง

อุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์เสริม

iPad(รุ่นที่ 9)

iPad (รุ่นที่ 9) รองรับการใช้งานกับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) และ Smart Keyboard ส่วน iPad mini (รุ่นที่ 6) สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ได้ จึงสามารถชาร์จและจับคู่ได้ง่ายๆ ด้วยการติดแม่เหล็กเข้ากับขั้วต่อที่ด้านข้างของตัวเครื่อง แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับการใช้งานกับคีย์บอร์ดของ Apple ดังนั้นหากคุณต้องการใช้งาน คุณอาจจะต้องซื้อคีย์บอร์ดของบริษัทอื่นที่มีการเชื่อมต่อ Bluetooth มาใช้คู่กัน

ลำโพง

スลำโพง

iPad mini(รุ่นที่ 6)

ทั้งสองรุ่นนั้น มีลำโพงแบบสเตอริโอ iPad (รุ่นที่ 9) มีลำโพงในตัว 2 ตัว โดยแต่ละตัวอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง สำหรับ iPad mini (รุ่นที่ 6) มีลำโพงแนวนอนใหม่ ที่ด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง เพื่อให้คุณได้ยินเสียงสเตอริโอจากด้านซ้ายและขวาเมื่อตัวเครื่องหันไปด้านข้าง

ระบบการสื่อสาร(5G/LTE・Bluetooth・Wi-Fi)

เฉพาะ iPad mini (รุ่นที่ 6) เท่านั้น ที่รองรับการสื่อสาร 5G ส่วน iPad (รุ่นที่ 9) รองรับ LTE ระดับกิกะบิตเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า โดย iPad mini (รุ่นที่ 6) ยังรองรับ Bluetooth 5.0 ขั้นสูง (ส่วน iPad (รุ่นที่ 9) ใช้งาน Bluetooth 4.2 นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับการใช้งานบนมาตรฐาน Wi-Fi ล่าสุด "Wi-Fi 6" คุณจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์การสื่อสารที่คมชัด สะดวกสบาย และมีเสถียรภาพ แม้จะเชื่อมต่อหลายเครื่องพร้อมกัน เพิ่มความเร็วในการสื่อสาร ส่วนระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมตัวเครื่องนั้น เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด iPad OS 15

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest News