iPhone 14 กับ iPhone 13 เปรียบเทียบกันแบบละเอียด

ภาพรวม ความแตกต่างระหว่าง iPhone 14 กับ iPhone 13

 

ซีรีส์ iPhone 14

ซีรีส์ iPhone 13

ชิป

ชิป A16 Bionic (14 Pro)
ชิป A15 Bionic (14)

ชิป A15 Bionic

จอภาพ

14 Pro
จอภาพแบบติดตลอด
Dynamic Island
ความสว่างสูงสุด 1,600 นิต (HDR)
ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง)

13 Pro
-
-
ความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
-

ความละเอียด
จอภาพ

Pro Max:2,796 x 1,290px ที่ 460ppi
Pro:2,556 x 1,179px ที่ 460ppi
Plus:2,778 x 1,284px ที่ 458ppi
14:2,532 x 1,170px ที่460ppi

Pro Max:2,778 x 1,284px ที่ 458ppi
Pro:2,532 x 1,170px ที่ 460ppi
-
13:2,532 x 1,170px ที่ 460ppi

กล้องหลัง

ระบบกล้องระดับโปร(14 Pro)
ระบบกล้องคู่ แบบ Advance (14)

ระบบกล้องระดับโปร(13 Pro)
ระบบกล้องคู่ (13)

ความละเอียด

14 Pro
48 MP (กล้องหลัก)
12 MP ( กล้องอัลตร้าไวด์ , กล้องเทเลโฟโต้)

14
12 MP (กล้องหลัก, กล้องอัลตร้าไวด์ , กล้องเทเลโฟโต้)

12 MP(กล้องหลัก , กล้องอัลตร้าไวด์ , กล้องเทเลโฟโต้)

ขนาดรูรับแสง

14 Pro
หลัก:ƒ/1.78
อัลตร้าไวด์ :ƒ/2.2
เทเลโฟโต้:ƒ/2.8

14
หลัก:ƒ/1.5
อัลตร้าไวด์ :ƒ/2.4

13 Pro
หลัก:ƒ/1.5
อัลตร้าไวด์ :ƒ/1.8
เทเลโฟโต้:ƒ/2.8

13
หลัก:ƒ/1.6
อัลตร้าไวด์ : ƒ/2.4

แฟลช

14 Pro
True Tone ที่ปรับตามสภาวะ

14
True Tone

True Tone พร้อมคุณสมบัติสโลว์ซิงค์

คุณสมบัติ

Photonic Engine
โหมดภาพยนตร์(สุงสุด 4K HDR ที่ 30 fps)

-
โหมดภาพยนตร์(สููงสุด 1080p ที่ 30 fps)

การบันทึกวิดีโอ

โหมดภาพยนตร์สำหรับการบันทึกวิดีโอ
ที่มี มิติความชัดตื้น (4K HDR สูงสุด 30 fps)

โหมดแอ็คชั่นสูงสุด 2.8K ที่ 60 fps

โหมดภาพยนตร์สำหรับการบันทึกวิดีโอ
ที่มี มิติความชัดตื้น (1080p ที่ 30 fps)

-

กล้องหน้า

ออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels
รูรับแสงขนาด ƒ/1.9
Photonic Engine

-
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
-

แบตเตอรี่

เล่นวิดีโอ
14:สูงสุด 20 ชั่วโมง
14 Plus:สูงสุด 26 ชั่วโมง
14 Pro:สูงสุด 23 ชั่วโมง
14 Pro Max:สูงสุด 29 ชั่วโมง

เล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม)
14:สูงสุด 16 ชั่วโมง
14 Plus:สูงสุด 20 ชั่วโมง
14 Pro:สูงสุด 20 ชั่วโมง
14 Pro Max:สูงสุด 25 ชั่วโมง

เล่นเสียง
14:สูงสุด 80 ชั่วโมง
14 Plus:สูงสุด 100 ชั่วโมง
14 Pro:สูงสุด 75 ชั่วโมง
14 Pro Max:สูงสุด 95 ชั่วโมง

เล่นวิดีโอ
13 mini:สูงสุด 17 ชั่วโมง
13:สูงสุด 19 ชั่วโมง
14 Pro:สูงสุด 22 ชั่วโมง
14 Pro Max:สูงสุด 28 ชั่วโมง

เล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม)
13 mini:สูงสุด 13 ชั่วโมง
13:สูงสุด 15 ชั่วโมง
13 Pro:สูงสุด 20 ชั่วโมง
13 Pro Max:สูงสุด 25 ชั่วโมง

เล่นเสียง
13 mini:สูงสุด 55 ชั่วโมง
13: สูงสุด 75 ชั่วโมง
13 Pro: สูงสุด 75 ชั่วโมง
13 Pro Max:สูงสุด 95 ชั่วโมง

ความปลอดภัย

การตรวจจับการชนกัน
SOS ฉุกเฉิน

-
-

ซิมการ์ด

ไม่มีถาดซิมการ์ด (เฉพาะในสหัฐอเมริกา)

-

อ้างอิงจาก [เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ] เปรียบเทียบ iPhone รุ่นต่างๆ

ราคาวางจำหน่าย บน Apple store

iPhone14

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus

Apple Store ได้ลดราคาของ iPhone 13 mini ลง เนื่องจากการเปิดตัวซีรีส์ iPhone 14 และยกเลิกการจำหน่าย iPhone 13 Pro / 13 Pro Max โดยสามารถหาซื้อได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตแทน

 

14

14 Plus

14 Pro

14 Pro Max

128GB

32,900 ฿

37,900 ฿

41,900 ฿

44,900 ฿

256GB

36,900 ฿

41,900 ฿

45,900 ฿

48,900 ฿

512GB

45,900 ฿

50,900 ฿

54,900 ฿

63,900 ฿

1TB

-

-

63,900 ฿

66,900 ฿

 

13 mini

13

13 Pro

13 Pro Max

128GB

24,900 ฿

29,900 ฿

-

-

256GB

28,900 ฿

33,900 ฿

-

-

512GB

37,900 ฿

42,900 ฿

-

-

ขนาดและน้ำหนัก

 

14

14 Plus

14 Pro

14 Pro Max

จอภาพขนาด

6.1 นิ้ว

6.7 นิ้ว

6.1 นิ้ว

6.7 นิ้ว

ขนาด

สูง:146.7 mm
กว้าง:71.5 mm
หนา:7.80 mm

สูง:160.8 mm
กว้าง:78.1 mm
หนา:7.80 mm

สูง:147.5 mm
กว้าง:71.5 mm
หนา:7.85 mm

สูง:160.7 mm
กว้าง:77.6 mm
หนา:7.85 mm

น้ำหนัก

172 g

203 g

206 g

240 g

 

13

-

13 Pro

13 Pro Max

จอภาพขนาด

6.1 นิ้ว

-

6.1 นิ้ว

6.7 นิ้ว

ขนาด

สูง:146.7 mm
กว้าง:71.5 mm
หนา:7.65 mm

-

สูง:146.7 mm
กว้าง:71.5 mm
หนา:7.65 mm

สูง:160.8 mm
กว้าง:78.1 mm
หนา:7.65 mm

น้ำหนัก

173g

-

203 g

238 g

ใช้เคส iPhone 13 กับ iPhone 14 ได้ไหม?

คุณสามารถใช้เคสเดิมได้ แต่คุณจะต้องใช้ความพยายามในการใส่เคสอยู่สักหน่อย เราขอแนะนำให้ ซื้อเคสสำหรับ iPhone 14 โดยเฉพาะ ดูจะพอดีกับตัวเครื่องและปลอดภัยกว่า ตัวอย่าง: รูปด้านล่างคือ iPhone 14 ที่ใช้เคสแบบอ่อนของ iPhone 13 ซึ่งต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร กว่าจะใส่เคสได้

case

ในภาพอาจมองไม่เห็นความผิดปกติเท่าไหร่นัก แต่ส่วนที่วงกลมสีแดง นั้น เคสไม่แนบ และลอยขึ้นมาเล็กน้อย นอกจากนี้ ตำแหน่งของไมโครโฟนที่ด้านล่างซ้าย และไฟฉายที่ด้านขวาบน ก็ไม่ตรงแนว ในส่วน ปุ่มที่ด้านข้างของตัวเครื่องหลัก ลำโพงที่ด้านล่าง และช่องต่อ Lightning นั้นเข้ากันได้พอดี ไม่มีปัญหาใดๆ

ใช้ เคส iPhone 13 Pro ใช้กับ 14 Pro ได้หรือไม่?

เราแนะนำให้ ซื้อเคสสำหรับ iPhone 14 Pro ของคุณ โดยเฉพาะ หากคุณได้ทดลองและพยายามใส่เคสแล้ว ดูเหมือนว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก ขนาดและความหนาของตัวเครื่อง อาจส่งผลให้เคส ไม่สามารถปกป้องโทรศัพท์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกแบบ

การออกแบบ

โดยภาพรวม ใกล้เคียงกัน

เมื่อมองแวบแรก การออกแบบของซีรีส์ iPhone 14 และ ซีรีส์ iPhone 13 ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งในส่วนของดีไซน์แบบขอบแบน เพื่อความกระชับในการถือ หรือจะเป็นในส่วนของวัสดุที่ใช้สำหรับตัวเครื่อง การจัดเรียงเลนส์ด้านหลังก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังคง วางระบบกล้องคู่ของ iPhone 14/14 Plus ในแนวทแยงมุม และเลนส์สามตัวของ iPhone 14 Pro/14 Pro Max ถูกจัดอยู่ในรูปแบบสามเหลี่ยมด้านเท่า

สี

สี

ซ้าย :iPhone 14 , ขวา : iPhone 14 Pro

 

ซีรีส์ iPhone 14

ซีรีส์ iPhone 13

สี

14
มิดไนท์
ม่วง
สตาร์ไลท์
ม่วง
(PRODUCT)RED
-

14 Pro
ดำสเปซแบล็ค
เงิน
ทอง
ม่วงเข้ม
-

13
มิดไนท์
สตาร์ไลท์
น้ำเงิน
ชมพู
(PRODUCT)RED
เขียว (เพิ่มเข้ามาภายหลัง)

13 Pro
กราไฟต์
เงิน
ทอง
เซียร์ร่าบลู
เขียวอัลไพน์ (เพิ่มเข้ามาภายหลัง)

ซีรีส์ iPhone 14 มีสีให้เลือกเท่ากันกับ ในซีรีส์ iPhone 13 ทั้งรุ่นบนและรุ่นล่าง โดยมี 4 สีสำหรับสองรุ่นบน และ 5 สี สำหรับสองรุ่นล่าง แต่มีบางสีที่แตกต่างกัน สำหรับรุ่นล่างในซีรีส์ iPhone 13 สีเขียวถูกเพิ่มเข้ามา หกเดือน ภายหลังจากการเปิดตัว จึงมีความเป็นไปได้ว่า ใน ซีรีส์ iPhone 14 อาจมีสีใหม่เพิ่มเติมในภายหลัง เช่นเดียวกัน

รูปแบบของสีของบนซีรีส์ iPhone 14 นั้นโดดเด่น ด้วยการเพิ่มสีม่วงเข้า มาแทน สีเซียร์ร่าบลูในรุ่น 14 Pro/14 Pro Max ในขณะที่ 14/14 Plus ก็ยกเลิกสีชมพูออกไป และเพิ่มสีม่วง เข้ามาแทน

iPhone 13 Pro สี เซียร์ร่าบลู กับ iPhone14 สีฟ้า

iPhone 13 Pro สี เซียร์ร่าบลู กับ iPhone14 สีฟ้า

ซ้าย สีเซียร์ร่าบลู , ขวา สีฟ้า

ในมุมของความชอบส่วนตัวแล้ว เราชอบ สีเซียร์ร่าบลู ของ iPhone 13 Pro มากกว่า สีฟ้าของ iPhone 14 Blue ซึ่งหากความรู้สึกระหว่างตอนที่ได้รับ iPhone 14 สีฟ้า กับ ตอนที่ได้รับ iPhone 13 Pro สีเซียร์ร่าบลู ความประทับใจนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อครั้งตอนได้สัมผัส iPhone 13 Pro เซียร์ร่าบลู ให้ความรู้สึกถึง เป็นสีที่มีระดับ หรูหรา ในส่วนของ iPhone 14 สีฟ้านั้น ให้ความรู้สึกพื้น ๆทั่วไป แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ เรื่องของ ราคา ซึ่งถูกกว่า (เมื่อเทียบกับเซียร์ร่าบลู)

ถึงกระนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็ต้องยอมรับว่าเริ่มเคยชินกับสีของมัน และคิดว่าจะยังคงใช้งานต่อไปได้

วัสดุตัวเครื่อง

วัสดุตัวเครื่อง

iPhone 14 Pro

วัสดุของตัวเครื่อง ยังคงใช้วัสดุแบบเดียวกันกับซีรีส์ iPhone 13 ทั้งรุ่นบนและรุ่นล่าง ตัวเครื่องของ iPhone 14 / 14 Plus ด้านข้างทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาและทนทาน ด้านหน้า แบบ Ceramic Shield แบบเดียวกัน กับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศด้วย และด้านด้านหลังแบบกระจก

สำหรับ iPhone 14 Pro / 14 Pro Max วัสดุตัวเครื่องเป็น สแตนเลสสตีล ระดับพรีเมียม ด้านหน้าเป็น Ceramic Shield ด้านหลังแบบกระจกผิวด้าน ซึ่งทนทานต่อแรงกระแทกกว่ากระจกของสมาร์ทโฟนทุกรุ่น

Dynamic Island ถือกำเนิดในรุ่น Pro รอยบากหายไปในที่สุด

切り欠き

iPhone 14

นับตั้งแต่ iPhone X เปิดตัวในปี 2560 รอยบากที่ด้านบนของหน้าจอ ก็มีเป็นประเด็น ในถกเถียงและหยิบมาพูดถึงในทุกครั้ง ที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา โดยบนซีรีส์ iPhone 13 แม้ว่ารูปร่างจะไม่เปลี่ยนแปลง เจ้ารอยบากดังกล่าว ก็ได้รับการพัฒนา ให้มีขนาดแคบลงประมาณ 20% และแน่นอนว่า ดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก และในที่สุดบนซีรีส์ iPhone 14 ก็ได้รับการพัฒนาให้หายไป

รอยบากบนหน้าจอนั้น บรรจุกล้องหน้า (TrueDepth) และเซ็นเซอร์ Face ID ซึ่งในสองรุ่นด้านล่าง iPhone 14/14 Plus ยังคงมีรอยบากนี้

แต่บน iPhone 14 Pro / 14 Pro Max รอยบากก็การพัฒนาให้หายไป และเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ทำงานแบบ user interface เป็นรูปทรงแคปซูล เรียกว่า "Dynamic Island"

ダイナミック・アイランド

Dynamic Island บน iPhone 14 Pro

Dynamic Island คือ พื้นที่ แสดงข้อมูล การแจ้งเตือน และ แสดงกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมเพลง ความคืบหน้าในการชาร์จ และอื่นๆ อีกทั้งยังรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ iOS 16 และทำงานได้กับแอปทุกประเภท เพื่อแสดงสิ่งที่คุณต้องการในเวลาที่ใช่ได้อย่างไม่มีสะดุด

เบื้องหลังการทำงานของ Dynamic Island ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple มาจาก อัลกอริทึมจอภาพที่ล้ำหน้า ทำให้ ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าคุณจะแตะ ปัด หรือกดค้าง และการย่อขนาดของระบบกล้อง TrueDepth (ลดลง 31% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า) เพื่อให้ได้พื้นที่จอภาพมากขึ้น

จอภาพ

iPhone14 Pro

iPhone 14 Pro

ซีรีส์ iPhone 14 ใช้จอภาพ Super Retina XDR แบบ OLED ในทุกรุ่น เช่นเดียวกับซีรีส์ iPhone 13

เมื่อพูดถึงจอแสดงผล สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดในครั้งนี้ คือ รุ่น iPhone 14 Plus ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ที่ออกมา ทดแทน รุ่น mini หน้าจอขนาดเล็ก ที่มีการยกเลิกออกไป ในรุ่นด้านล่าง

ส่วนใน รุ่นไฮเอนด์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ iPhone ที่มีการใช้งาน จอแสดงผลแบบติดตลอด เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลที่ต้องการทราบได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ ตัวอย่างเช่น เวลา วิดเจ็ต และกิจกรรมสด นอกจากนี้ ยังคงรองรับเทคโนโลยี ProMotion เหมือนเดิม เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งมีอัตราการรีเฟรชหน้าจอระหว่าง 10 ถึง 120 ครั้งต่อวินาที ขึ้นอยู่กับเนื้อหา เพื่อประสิทธิภาพให้การแสดงผลให้เป็นไปอย่างราบรื่น

ในแง่ของความละเอียดและความหนาแน่นของพิกเซลจะเท่ากัน ระหว่าง iPhone 14 และ iPhone 13 รวมไปถึง iPhone 14 Plus และ iPhone 13 Pro Max ด้วย แต่สำหรับ ซีรีส์ Pro อย่าง iPhone 14 Pro / Pro Max นั้นทั้งสองรุ่น มีตัวเลขที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และมีจอแสดงผลที่ชัดเจนขึ้น ความสว่างสูงสุดของวิดีโอ HDR เพิ่มขึ้นจาก 1,200 นิต เป็น 1,600 นิต อีกทั้ง ความสว่างสูงสุดในที่กลางแจ้ง ยังได้รับการปรับปรุงเป็น 2,000 นิต (สองเท่าของรุ่นก่อนหน้า)

กล้อง

iPhone 14 Pro / 14 Pro Max

カメラ

ระบบกล้องของ iPhone 14 Pro / 14 Pro Max ยังคงการวางระบบกล้องระดับโปร สามเลนส์ ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องไวด์ อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ เช่นเดียวกับซีรีส์ Pro ของ iPhone 13 แต่คุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงให้เหนือกว่า คือบนกล้อง iPhone 14 Pro / 14 Pro Max ที่สามารถถ่ายได้ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอในระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึ วิดีโอในระดับ 4K (สูงสุด 60 fps) และวิดีโอรูปแบบ ProRes รวมถึง โหมดภาพยนตร์ 4K HDR สูงสุดที่ 30 fps อีกด้วย

・กล้องไวด์
สิ่งแตกต่างอย่างชัดเจน ก็คือ เซ็นเซอร์ Quad-pixel ขนาด 48 เมกะพิกเซล ที่ติดตั้งในกล้องไวด์ (หลัก) เป็นหนึ่งการอัปเกรดที่สำคัญ จากเซ็นเซอร์ 12 ล้านพิกเซลของรุ่นก่อนหน้านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ของ iPhone 13 Pro ถึง 65%

Quad-pixel มีการทำงานแบบรวม 4 พิกเซลเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งควอดพิกเซลขนาดใหญ่ที่ สามารถรับแสงได้มากขึ้น 4 เท่า ซึ่งเทียบเท่ากับ 2.44 µm เป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้คุณถ่ายภาพที่สวยงามน่าทึ่งได้แม้ในที่มืด โดยที่ยังคงขนาดภาพไว้ที่ ระดับ"moderate" ในความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (เซ็นเซอร์ Quad Pixel ประหยัด 12 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพปกติ แต่บันทึกได้ 48 ล้านพิกเซลสำหรับ Apple ProRAW เท่านั้น)

ซูมเข้าแบบออปติคัล 3 เท่า (0.5x, 1x, 3x) , ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า, ช่วงซูมแบบออปติคัล 6 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 15 เท่า ในส่วนของเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ยังสามารถซูมได้ 2 เท่า (ภาพถ่ายความละเอียดสูงสุดและการถ่ายวิดีโอ 4K) โดยไม่ต้องใช้การซูมดิจิทัลอีกด้วย

・กล้องอัลตร้าไวด์
ความละเอียดยังคงเดิม เช่นเดียวกันกับ ในซีรีส์ iPhone 13 ที่ความละเอียด 12MP แต่มีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น (พิกเซล 1.4µm) และเมื่อเก็บแสงได้มากขึ้น สามารถได้ภาพที่คมชัดสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งรูรับแสงมีขนาด ƒ/2.2 จากเดิม ƒ/1.8 ในขณะเดียวกัน ประสิทธิภาพของการถ่ายภาพมาโครก็ดีขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังรองรับ Focus Pixels 100%

・กล้องเทเลโฟโต้
สำหรับ กล้องเทเลโฟโต้ มีความละเอียดอยู่ที่ 12 MP รองรับการซูมแบบออปติคัล 3 และมี รูรับแสงขนาด ƒ/2.8 ไม่มีความแตกต่างกัน กับรุ่นก่อนหน้า

iPhone 14 / 14 Plus

カメラ

・ฟังก์ชันของกล้อง
กล้องของ iPhone 14/14 Plus เป็นระบบคู่ เช่นเดียวกับ iPhone 13 ประกอบด้วย กล้องไวด์(หลัก และ อัลตร้าไวด์ โดยมีความละเอียดที่ 12 MP ทั้งคู่ และรองรับการซูมออกด้วยแสง 2x และซูมดิจิตอล 5 เท่า ขนาดของรูรับแสงบนกล้องหลักเพิ่มขึ้นจาก ƒ/1.6 เป็น ƒ/1.5 แต่บนกล้องอัลตร้าไวด์ยังคงเท่าเดิมที่ขนาด ƒ/2.4

ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม (1.9 µm พิกเซล) รับแสงได้มากกว่ารุ่นก่อน ถึง 49% ด้วยการเพิ่มปริมาณแสงที่ได้รับ ช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเปิดรับแสงในโหมดกลางคืนยังเร็วขึ้นถึง 2 เท่า

นอกเหนือจาก ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ ที่ได้รับการติดตั้งในรุ่นที่ด้านล่างเป็นครั้งแรกแล้ว ยังมีฟังก์ชันและคุณสมบัติต่างๆ เช่น โหมดกลางคืน, Deep Fusion, โหมดภาพถ่ายบุคคล, การจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ , สไตล์ภาพถ่าย , HDR อัจฉริยะ 4 ที่ iPhone 14 / 14 Plus มีให้ใช้งานอย่างครบครัน

・ฟังก์ชันการบันทึกวิดีโอ
กล้อง iPhone 14/14 Plus ยังสามารถถ่ายวิดีโอ 4K (สูงสุด 60 fps) และบันทึกวิดีโอ ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps อีกทั้งยัง รองรับการบันทึกวิดีโอแบบสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps

คุณสมบัติใหม่ของกล้อง ในซีรีส์ iPhone 14 (ทุกรุ่น)

・Photonic Engine
Photonic Engine เป็นฟังก์ชันที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ (คุณภาพของภาพ) ของการถ่ายภาพ ในฉากที่มีแสงน้อย หรือในที่ ที่มีแสงน้อยถึงปานกลาง บน iPhone 14/14 Plus ประสิทธิภาพบนกล้องอัลตร้าไวด์และกล้อง TrueDepth เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และประสิทธิภาพของกล้องไวด์เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ในทางกลับกัน ในรุ่น Pro มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่า บนกล้องไวด์ กล้องเทเลโฟโต้ และ กล้องTrueDepth และการปรับปรุงประสิทธิภาพเป็น 3 เท่า ในกล้องอัลตร้าไวด์

・โหมดแอ็คชั่น
โหมดป้องกันภาพสั่นไหวใหม่ "โหมดแอ็คชั่น" ปรากฏขึ้นสำหรับการถ่ายภาพยนตร์ แม้ในขณะที่ช่างภาพกำลังเคลื่อนไหว เช่น ขณะไล่ตามวัตถุ โหมดนี้จะปรับตามการสั่นและการสั่นไหว ดังนั้นคุณจึงสามารถถ่ายภาพได้อย่างราบรื่นและคงที่ โดยไม่ต้องใช้มือจับหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆเพิ่มเติม

・โหมดภาพยนตร์
โหมดภาพยนตร์ ได้รับการเปิดตัวมาตั้งแต่ใน iPhone 13 สามารถใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพ 4K HDR ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีได้ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพที่ 24 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเท่ากับจำนวนเฟรมในภาพยนตร์ ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการเล่าเรื่องคุณภาพ ระดับโรงภาพยนตร์ได้ด้วยตัวเอง

・ฟังก์ชันแฟลชที่ออกแบบใหม่
บน iPhone 14 / 14 Plus แฟลช True Tone สว่างกว่าเดิม 10% สามารถฉายแสงได้อย่างทั่วถึง ในทางกลับกัน iPhone 14 Pro / 14 Pro Max มี "Adaptive True Tone Flash" รูปแบบใหม่ ด้วยความสว่างของ LED 9 ดวง ได้รับการปรับให้เข้ากับทางยาวโฟกัส เพื่อให้แสงที่สมบูรณ์แบบ

ระบบการประมวลผล

カメラ

ซ้าย iPhone 14 Pro Max , ขวา iPhone 14 Pro

ทุกครั้งที่เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ Apple จะใช้ชิปตัวใหม่ล่าสุดมาโดยตลอด แต่ปีนี้แตกต่างออกไป จาก 4 รุ่น ในซีรีส์ iPhone 14/14 Plus ใช้งานชิป A15 Bionic ตัวเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า มีเพียง iPhone 14 Pro / 14 Pro Max 2 รุ่นระดับบนเท่านั้น ที่มาพร้อมกับชิป A16 Bionic ตัวใหม่ล่าสุด

iPhone 14 Pro / 14 Pro Max

ชิปล่าสุด A16 Bionic ได้รับการกล่าวขานว่า เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา การรวมทรานซิสเตอร์ 16 พันล้านตัว (A15 Bionic มี 15 พันล้าน) การันตีถึงประสิทธิภาพการประมวลผล CPU แบบ 6‑core ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่าเมื่อก่อนถึง 20% และเร็วกว่าคู่แข่งถึง 40% ตามข้อมูลของ Apple นอกจากนี้ Neural Engine แบบ 16 คอร์ ยังทำงานด้วยได้ถึง 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที

ในส่วนประสิทธิภาพกราฟิก ใช้ GPU แบบ 5‑core มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50% (ปริมาณข้อมูลที่สามารถโอนได้ต่อวินาที) เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรองรับกราฟิกที่ซับซ้อนได้อย่างเหนือชั้น เมื่อเทียบกับรุ่นทั่วไป

ชิปยังมีกลไกแสดงผลใหม่ สำหรับรองรับ คุณสมบัติที่ต้องใช้พลังงานแบตเตอรี่มาก เช่น การแสดงผลบนหน้าจอ แบบติดตลอด หรือ การแสดงผลของ "Dynamic Island" อีกทั้ง วิเคราะห์ทุกภาพที่คุณถ่ายได้แบบพิกเซลต่อพิกเซล สามารถจัดการกับเวิร์กโหลดหนักๆ ได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ

iPhone 14 / 14 Plus

A15 Bionic ที่ติดตั้งใน iPhone 14/14 Plus มีสเปกพื้นฐานเหมือนกับปีที่แล้ว (รุ่นล่าง) แต่ GPU เพิ่มขึ้นจาก 4- core เป็น 5‑core (ตัวเดียวกันกับที่ใช้ใน iPhone 13 Pro) เพื่อประสิทธิภาพกราฟิก ไม่ว่าจะเป็น เกม 3D กราฟิกสูงๆ หรือ วิดีโอความละเอียดสูง ก็แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด

ส่วนชิป A15 Bionic (ในสองรุ่นด้านล่าง) ที่ประกาศเมื่อปีที่ เป็น CPU แบบ 6‑core ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ และ Neural Engine แบบ 16‑core ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ถึง 15.8 ล้านล้านการทำงานต่อวินาที ตัวประมวลผลสัญญาณภาพ (ISP) ฯลฯ ในตอนที่เปิดตัวนั้น ก็ได้รับความสนใจจ ากความเร็วที่ท่วมท้นและประสิทธิภาพอันทรงพลัง

แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ว่า A15 Bionic จะโชว์พลังได้มากน้อยแค่ไหน บนการใช้งานในรุ่นใหม่ แต่ หากดูจากประสิทธิภาพของการทำงานบน iPhone 13 Pro ผ่านทางโปรแกรม Geekbench 5 (ซอฟต์แวร์ที่วัดประสิทธิภาพของ CPU) ผลการทดสอบออกมาคือ iPhone13 การทดสอบมาตรฐานอยู่ที่ 1,693 สำหรับ single core, 4,498 สำหรับ multicore ได้ 11,233 สำหรับ Metal (GPU) ในขณะที่ iPhone 13 Pro คอร์เดียวอยู่ที่ 1,707 multicore ได้ 4,659 และ Metal (GPU) ที่ 14,255 เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คุณจะเห็นว่ารุ่น Pro มีคะแนนสูงกว่า เราก็คาดหวังว่า iPhone 14 / 14 Plus จะแรงและเร็วสมกับที่ Apple ได้กล่าวไว้

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่

ซ้าย iPhone 14 , ขวา iPhone 14 Plus

ในซีรีส์ iPhone 14 ทุกรุ่น แบตเตอรี่ได้รับการปรับปรุงชิปในตัว ให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น (A15 Bionic / A16 Bionic) ด้วยการทำงานบน iOS และซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูง จะทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมการใช้พลังงานและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธภาพ

แม้ว่าทั้ง 4 รุ่นจะมีระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องยาวนานกว่าเมื่อก่อน แต่ iPhone 14 Plus ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดประวัติศาสตร์ของ iPhone

อีกทั้ง ความจุของแบตเตอรี่ ได้รับการอัปเกรดให้เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก Apple ให้คำจำกัดความอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ไว้อย่างคำว่า "ตลอดวัน" และ "ทรงพลัง" โดยปกติแล้ว Apple ไม่เปิดเผยความจุของแบตเตอรี่ แต่จากข้อมูลที่ได้รับจากสื่อของสหรัฐฯ MacRumors ดูเหมือนว่าความจุของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นใน 3 รุ่น ยกเว้น iPhone 14 Pro Max ที่ยังคงเดิม

 

ซีรีส์ Phone 14

ซีรีส์ iPhone 13

ความจุ

14: 3,279 mAh
14 Plus: 4,325 mAh
14 Pro: 3,200 mAh
14 Pro Max: 4,323 mAh

13: 3,227 mAh
-
13 Pro: 3,095 mAh
13 Pro Max: 4,352 mAh

การชาร์จไฟและช่องต่อ Lightning

USB Type-C

image - Forbes

ช่องต่อ ยังคงเป็นแบบ Lightning เช่นเดียวกับรุ่นก่อนๆ แต่ทุกรุ่นในซีรีส์ iPhone 14 รองรับการชาร์จเร็ว และสามารถชาร์จได้ถึง 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ในกรณีที่แบตหมด (เมื่อใช้อแดปเตอร์ 20W ขึ้นไป) ด้วย ที่ชาร์จแบบไร้สายแบบ MagSafe และการชาร์จแบบไร้สาย Qi (ที่ชาร์จทั้งสองแบบ มีแยกจำหน่ายต่างหาก)

SIM

SIM

ซ้าย iPhone 14 Pro (US) , ขวา iPhone 14 Pro (ไทย)

ซีรีส์ iPhone 14 รองรับการใช้งานแบบซิมคู่ ทั้งแบบ (การ์ดนาโนซิม + eSIM) และการใช้งานแบบ eSIM คู่ (eSIM + eSIM) อีกทั้งตัวเครื่องที่วางจำหน่ายใน สหรัฐอเมริกา ทั้ง 4 รุ่น ไม่มีถาดใส่ซิมการ์ดแล้ว ใช้งานผ่าน eSIM เท่านั้น ส่วนตัวเครื่องที่วางจำหน่ายในไทย อาจต้องใช้เวลาอีกมากที่จะเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตามซีรีส์ iPhone 14 ของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ไม่มีถาดใส่ซิมทางด้านซ้ายเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเสาอากาศแบบคลื่น 5G มิลลิเมตรทางด้านขวา ซึ่งเวอร์ชั่นของไทยไม่มี

ประสิทธิภาพ การทนน้ำและกันฝุ่น

ซีรีส์ iPhone 14 ทั้ง 4 รุ่น สามารถทนน้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ที่ระดับ IP68 (ระดับสูงสุดของการกันฝุ่นและน้ำ) ตามมาตรฐานสากล IEC 60529

* มาตรฐาน IP68: ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest News