เปรียบเทียบ Apple Watch Series 6 และ SE ต่างกันอย่างไร?
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน สำหรับ Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE ซึ่งเป็น รุ่นแรกของตระกูล SE ใน Apple Watch โดย Apple Watch Series 6 มีสีของตัวเรือนให้เลือกถึง 6 สี มีสี แดง (PRODUCT) RED , สีน้ำเงิน และ สีกราไฟต์ (เคลือบ DLC) เป็นสีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาให้เลือก ทำให้ Apple Watch ทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวล่าสุด มีคุณสมบัติหลากหลายมากขึ้นพร้อมเน้นความสามารถด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย ปรับปรุงให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ครั้งนี้เราจะเปรียบเทียบคุณสมบัติและคุณสมบัติใหม่ของ Series 6 และ SE ว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณ
วันที่วางจำหน่าย
Apple Watch Series 6 และ SE สามารถสั่งซื้อ ผ่านทาง Apple Store ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563
ราคา
ราคาจำหน่ายที่ Apple Store มีดังนี้ จำนวนเงินรวมภาษีแล้ว
|
Series 6 |
SE |
---|---|---|
รุ่น GPS |
เริ่มต้น 13,400 ฿ |
เริ่มต้น 9,400 ฿ |
รุ่น GPS + Cellular |
เริ่มต้น 16,900 ฿ |
เริ่มต้น 10,900 ฿ |
ขนาด
ซ้าย:Apple Watch Series 6 , ขวา:Apple Watch SE
●40mm
|
Series 6 |
SE |
---|---|---|
ความสูง |
40mm |
|
ความกว้าง |
34mm |
|
ความหนา |
10.4mm |
|
น้ำหนักรุ่น (GPS) |
อะลูมิเนียม: 30.5g
|
30.49g |
น้ำหนักรุ่น (GPS + Cellular) |
30.68g |
●44mm
|
Series 6 |
SE |
---|---|---|
ความสูง |
44mm |
|
ความกว้าง |
38mm |
|
ความหนา |
10.4mm |
|
น้ำหนักรุ่น (GPS) |
อะลูมิเนียม: 36.5g
|
36.2g |
น้ำหนักรุ่น (GPS + Cellular) |
36.36g |
ขนาดของ Apple Watch Series 6 และ SE เกือบจะเท่ากัน รวมถึงน้ำหนักตัวเรือนแบบอะลูมิเนียมที่นิยมใช้ของทั้งสองรุ่น รุ่นตัวเรือนสเตนเลสสตีลและไททาเนียม Series 6 จะหนักกว่าเล็กน้อย แต่มีความยาวความกว้างและความหนาเท่ากัน เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นกับ Apple Watch Series 5 ขนาดแนวตั้งและแนวนอนไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความหนาบางกว่า 0.34 มม. ความแตกต่างของความหนาน่าจะเกิดจากความแตกต่างของเซ็นเซอร์ในตัว
วัสดุและสีของตัวเรือน
Apple Watch SE
|
Series 6 |
SE |
---|---|---|
วัสดุ |
อะลูมิเนียม |
อะลูมิเนียม |
สี |
・อะลูมิเนียม ・สแตนเลสสตีล ・ไทเทเนียม |
・อะลูมิเนียม |
ใน Apple Watch Series 5 สำหรับรุ่น GPS + Cellular คุณสามารถเลือกวัสดุตัวเรือนได้ 4แบบ คือ อะลูมิเนียม เซรามิก สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม รุ่น GPS เป็นตัวเรือนแบบอะลูมิเนียมเท่านั้น ส่วนวัสดุของ Series 6 ตัวเรือนแบบเซรามิถูกตัดออกไป เหลือวัสดุให้เลือกเพียง 3 ประเภท คือ อะลูมิเนียม สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม (รุ่น GPS เป็นอะลูมิเนียมเท่านั้น)
เนื่องจาก SE เน้นในเรื่องประหยัดสบายกระเป๋า ทั้งรุ่น GPS + Cellular / GPS จึงมีให้เลือกเฉพาะวัสดุแบบอะลูมิเนียมเท่านั้น เมื่อเทียบกับซีรีส์ 6 แน่นอนว่าคุณสมบัติบางอย่างแตกต่างกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างมากนักในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก
จอภาพแสดงผล
Apple Watch SE
|
Series 6 |
SE |
---|---|---|
จอภาพ |
จอภาพ Retina แบบติดตลอด |
จอภาพ Retina |
40mm |
324 x 394 พิกเซล |
|
44mm |
368 x 448 พิกเซล |
เมื่อครั้ง การอัพเกรดจาก Apple Watch Series 4 เป็น Series 5 ความสามารถในการแสดงผลคือสิ่งที่ถูกอัพเกรดขึ้นมา ทั้งสองรุ่นมีคุณสมบัติพื้นฐานเหมือนกันโดยใช้จอแสดงผล LTPO OLED Retina ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ดีเยี่ยมและรองรับการสัมผัสที่ไวต่อแรงกด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความละเอียด (40 มม.: 324 x 394 พิกเซล 44 มม.: 368 x 448 พิกเซล) และ ความสว่าง (1,000 นิต)
ต่อมาในซีรีส์ 5 ถือว่าประสบความสำเร็จในการลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก โดยการลดอัตราการรีเฟรช (จำนวนครั้งที่จอแสดงผลเขียนหน้าจอต่อวินาที) จาก 60Hz เป็น 1Hz (ความถี่หนึ่งครั้งต่อวินาที) นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานของไดรเวอร์จอแสดงผล และยังมีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ปริมาณแสง ฯลฯ ส่วน อายุการใช้งานแบตเตอรี่อยู่ที่ 18 ชั่วโมง จอภาพ Retina แบบติดตลอด ทำให้คุณมองเห็นหน้าจออยู่เสมอ แม้ในตอนที่คุณลดข้อมือลงแล้ว แต่หน้าจอยังคงแสดงข้อมูลต่างๆ เช่น เวลาได้เหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไป
มาถึง ซีรีส์ 6 ความละเอียดพื้นที่แสดงผลและความสว่างจะเหมือนกับซีรีส์ 5 ความเปลี่ยนแปลงของหน้าจอแสดงผลที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ เพิ่มการปรับปรุงให้การแสดงผลคงที่สว่างขึ้นประมาณ 2.5 เท่าเมื่ออยู่นอกอาคาร เมื่อเทียบกับ ซีรีส์ 5 ตรวจสอบหน้าจอและตัวอักษรได้ง่ายกว่าแม้ในที่มีแสงจ้า
น่าเสียดายที่ SE ไม่มีการติดตั้ง หน้าจอแสดงผลแบบติดตลอด คุณต้องยกข้อมือขึ้นเพื่อปลุกการทำงาน Apple Watch SE น่าจะถูกสร้างขึ้นโดยใช้มาตรฐานและคำนึงถึงคุณสมบัติต่างๆ จาก Series 4 เพราะขนาดการแสดงผล รายการสี และฟังก์ชั่นบางอย่างเหมือนกับ Series 4
ประสิทธิภาพ
Apple Watch Series 6
Apple Watch Series 5 ใช้ชิพ S5 ในตัว (พร้อมโปรเซสเซอร์ 64 บิต dual-core ) ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า Series 4 ที่ใช้ชิพ S4 เนื่องจาก SE ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ใช้ชิพ S5 ทำให้เกิดความคาดหวังว่าจะมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ Series 5
ส่วนด้านของซีรีส์ 6 มาในชิพ S6 รุ่นล่าสุด ซึ่งเร็วกว่า S5 ถึง 20% หมายความว่า เวลาที่ใช้งานการเปิดแอพ จะเร็วกว่าเดิม 20% นอกจากนี้ Series 6 ยังมีชิพ U1 เป็นตัวแรกของ Apple Watch ชิพนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีใน ซีรีส์ iPhone 11 อยู่แล้ว สามารถตรวจจับตำแหน่งของอุปกรณ์ที่สื่อสารด้วยความแม่นยำสูง โดยใช้ฟังก์ชั่นการจดจำเชิงพื้นที่ของระบบไร้สาย UWB (อัลตร้าไวด์แบนด์)
สุขภาพและฟิตเนส
Apple Watch 4 และ Series 5 มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล (รุ่นที่ 2) ที่ด้านหลังของตัวเครื่องหลัก ใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ คุณยังสามารถวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ โดยการนำอิเล็กโทรดที่ติดตั้งอยู่ใน Digital Crown มาสัมผัสกับผิวหนังของคุณ
และ Series 6 ก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ วัดระดับออกซิเจนในเลือด มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ที่วัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ระดับออกซิเจนในเลือดเป็นค่าสำคัญที่บ่งบอกความแข็งแรงสมบูรณ์โดยรวม ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ สำหรับการตรวจสอบปัญหาด้านสุขภาพ ในโรคเกี่ยวกับปอด เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมถึงโรคหัวใจ
หลักการทำงานของ การวัดค่าออกซิเจนในเลือดนั้น จะใช้ เซ็นเซอร์ที่ถูกรวมเข้าไว้ในฝาหลังคริสตัล กลุ่มไฟ LED จำนวน 4 ดวง และโฟโต้ไดโอด
4 ตัว ซึ่งเป็น LED สีเขียว สีแดง และอินฟราเรดจะส่องแสง ลงบนเส้นเลือดในข้อมือคุณ โดยมีโฟโต้ไดโอดทำหน้าที่ วัดปริมาณแสงที่สะท้อนกลับมา จากนั้น
อัลกอริทึมอันล้ำสมัยก็จะคำนวณสีของเลือด ซึ่งบ่งบอกปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ การวัดจะใช้เวลาเพียง 15 วินาที ส่วนการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจจะใช้เวลา 30 วินาที
Apple Watch SE ไม่มีความสามารถในการวัดออกซิเจนในเลือดและคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการตรวจจับการล้ม
แบตเตอรี่
Apple Watch SE
นับตั้งแต่ Apple Watch รุ่นแรก ประกาศอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ว่าสามารถใช้ได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงเป็นค่ามาตรฐาน จนมาถึงใน Series 5 อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ยังคงอยู่ที่ 18 ชั่วโมง แม้ว่าจะรองรับการแสดงผลแบบติดตลอด คิดว่าเกิดจากการประหยัดพลังงานที่ปัจจัยสำคัญ
แม้จะแต่ในซีรีส์ 6 ที่บอกว่า จอแสดงผลแบบติดตลอดจะสว่างขึ้นกว่าเดิม 2.5 เท่า แต่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ยังคงอยู่ที่ 18 ชั่วโมง เช่นเดิม รวมถึงการใช้งานบน SE Series 6 และรุ่นอื่น ๆ ก็มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 18 ชั่วโมง
ทำให้หมดกังวลไปได้เลยว่าแบตเตอรี่จะหมดขณะออกกำลังกาย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถยิมได้เป็นเวลานาน โดยไม่ต้องชาร์จบ่อย ใช้งานได้นานสูงสุด 11 ชั่วโมงสำหรับการออกกำลังกายในร่ม สูงสุด 7 ชั่วโมงเมื่อใช้ GPS และสูงสุด 6 ชั่วโมง เมื่อใช้ GPS และ 4G LTE
มาถึง เรื่องของการชาร์จไฟ Apple Watch Series 6 และ SE สายชาร์จแบบแม่เหล็ก ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมเดิม ที่มีอยู่ก่อนแล้วต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีสายชาร์จมาให้ในกล่อง แต่ในครั้งนี้ ไม่มีอะแดปเตอร์จ่ายไฟให้มาด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของ Apple ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ซื้อเพิ่มได้หากคุณต้องการ
ยกระดับ ให้ระดับความสูง
Apple Watch Series 6
มาตรวัดความสูงแบบใหม่ ทำงานแบบตลอดเวลา จะติดตามการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงของตำแหน่งปัจจุบันแบบเรียลไทม์ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง เพื่อให้คุณตรวจสอบค่าได้อย่างแม่นยำขึ้นขณะเคลื่อไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ปีนเขา เล่นกีฬาโลดโผน จะเป็นประโยชน์มาก
ความสามารถในการทนน้ำ
Apple Watch Series 6
ไม่เปลี่ยนแปลงจาก Series 5 ในแง่ของการกันน้ำ Series 6 และ SE กันน้ำลึกที่ระดับ 50 เมตร ซึ่งหมายถึง อาจสามารถใช้ในกิจกรรมน้ำตื้น เช่น การว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ควรใช้ในการดำน้ำลึก การเล่นสกีน้ำ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่มีความเร็วสูงหรือต้องอยู่ในน้ำที่ลึกกว่าระดับน้ำตื้น
ความจุ
Apple Watch SE
ใน Apple Watch Series 4 พื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์คือ 16GB แต่ใน Series 5 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า อยู่ 32GB ทำให้จัดเก็บเพลงและพ็อดคาสท์ได้มากกว่าเดิม คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินและวิ่งโดยใช้ Apple Watch ของคุณ โดยไม่ต้องพก iPhone ที่จับคู่ไว้ไปกับคุณด้วยอย่างแต่ก่อน
และก่อนหน้านี้ บนการใช้งาน watchOS 6 และเวอร์ชั่นก่อนหน้า การสั่งงานส่วนใหญ่จะทำในฝั่ง iPhone เช่น การอัพเดตแอพพลิเคชั่น Apple Watch จะทำได้แค่เพียงรับการแจ้งเตือน ในปัจจุบัน watchOS 6 สามารถอัพเดตและติดตั้งแอพได้โดยตรง บน Apple Watch ดังนั้น หากพื้นที่เก็บข้อมูลว่างไม่เพียงพอ ปัญหาต่างๆอาจตามมา
Apple Watch Series 6 และ SE ที่เปิดตัวในครั้งนี้ มีความจุ 32GB
|
|
บทความที่เกี่ยวข้อง
Latest News
iOS 16.3 และ iPadOS 16.3 พร้อมให้อัปเดต | 24/1 |
วิธีใช้ Apple Music Sing ฟังก์ชั่นร้องคาราโอเกะ บน iOS 16.2 | 18/12 |
iOS 16.2 และ iPadOS 16.2 มาแล้ว พร้อมแอปใหม่ "Freeform" | 14/12 |
iPhone 15 : รวมทุกข้อมูลอัพเดทล่าสุด ให้คุณรู้ก่อนใคร | 29/11 |
iOS 16: วิธีดูรหัสผ่าน Wi-Fi ที่กำลังเชื่อมต่อ และจากประวัติการใช้งาน | 10/11 |
iOS 16.1.1และ iPadOS 16.1.1 อัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องและความปลอดภัย | 10/11 |
iOS 16: วิธียกเลิกส่ง บนแอป เมล (Mail) | 05/11 |
วิธีใช้กล้องอัลตร้าไวด์ / กล้องไวด์ / กล้อง เทเลโฟโต้ | 27/10 |
iOS 16.1 และ iPadOS 16.1 ปล่อยให้อัปเดตแล้ว | 25/10 |
iPhone 14 กับ iPhone 13 เปรียบเทียบกันแบบละเอียด | 24/10 |
iPhone News | iPad News |