iPhone 6s และ 6s Plus กับข้อมูลและรายละเอียดต่างๆที่น่าสนใจ

เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 ตามเวลาท้องถิ่นสำหรับ iPhone 6s และ 6sPlus ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำเอาหลายๆคนอยากที่จะตัดสินใจเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่
เราลองมาทำความรู้จัก iPhone รุุ่นใหม่ล่าสุดกันก่อนจะดีกว่า ผ่านบทความจากนิตยสาร Macworld ที่ได้รวบรวมเอาข้อมูลที่น่าสนใจ ภายใน iPhone 6s / 6s Plus และคุณสมบัติเด่นทั้งหลายไว้

วันที่วางจำหน่าย

การเปิดให้สั่งจองสินค้าในวันที่ 12 กันยายน อย่างเป็นทางการในสหัฐอเมริกา และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป ประเทศที่วางจำหน่ายในขณะนี้คือ 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, เปอร์โตริโกและสิงคโปร์ และเริ่มขายในอีก 130 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ ส่วนในไทยนั้น ยังไม่เป็นที่แน่นอน แต่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในนั้น


สี

iPhone 6s / 6s Plus มีสีให้เลือก 4 สี คือ สีเทา สีทอง สีเงิน และสีใหม่ สีชมพูทอง Rose Glod ซึ่งจะคล้ายคลึงกับสีของ Apple Watch Edition รุ่นสีชมพูทอง แต่คุณจะได้สัมผัสกับสีนี้ด้วยราคาที่จับต้องได้ เนื่องจาก iPhone ใช้วัสดุอลูมิเนียม ไม่ใช่ทองคำ 18K แต่จะว่าไปการใส่คู่กัน คงดูดีไม่น้อยเชียว


เปรียบเทียบ iPhone 6s / 6s Plus กับรุ่นปัจจุบัน

ในครั้งนี้ รูปลักษณ์ภายนอกยังคงเหมือนเดิม 6s มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ 6s Plus มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว เช่นเดียวกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แต่วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องนั้นแตกต่างออกไป โดยทั้ง iPhone 6s และ 6s Plus ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ตระกูล Apple's 7000 ซึ่งทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการผลิต Apple Watch รุ่น Sport ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน

หน้าจอทำจากกระจกซึ่งมีความแข็งแรงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ในโลกนี้ อันเป็นผลมาจาก กระบวนการแลกเปลี่ยนอิออนคู่ระดับโมเลกุล ทำให้กระจกมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น หน้าจอเรติน่า HD ยังคงเป็นรุ่นเดียวกับปีที่แล้วคือ 1334x750 สำหรับ 6s และ 1920x1080 สำหรับ 6s Plus

ตัวเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่มีความหนากว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย คือ iPhone 6s หนา 7.3 และ iPhone 6s Plusหนา 7.1 มม ในขณะที่เดิม iPhone 6 หนา 7.1และ iPhone 6Plus หนา 6.9 มม ตามลำดับ


การแสดงผลในรูปแบบใหม่

Apple มีการปฏิวัติหน้าจอให้เป็นแบบ multi-touch นั่นคือ สามารถตรวจจับแม้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยมีเซนเซอร์อยู่ระหว่างกระจกหน้าและตัวเครื่อง ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากแรงกดของนิ้วมือ เรียกว่า 3D Touch โดยจะตอบสนองต่อแรงกดต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่กดลงบนหน้าจอ

อาจจะยังสับสนอยู่บ้างกับสิ่งใหม่นี้ แต่นี่คือสิ่งที่ Apple เรียกว่า " peek and pop "และ " quick actions" ที่คุณสามารถปลดล๊อคด้วยระบบใหม่เช่นเดียวกับใน Apple Watch ที่ตอบสนองต่อแรงกดขณะสัมผัส ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้กำหนด

"peek and pop" คืออะไร ใช้งานอย่างไร?

หนึ่งในลูกเล่นใหม่ที่รองรับระบบ 3D Touch คือ "peek" นั่นคือ การเรียกดูข้อความเบื้องต้นก่อนเปิดเข้าไปดู เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอค้างไว้และปล่อยนิ้วเมื่อดูข้อความเสร็จแล้ว ส่วนการ "pop" คือ การเรียกขึ้นมาใช้งานสำหรับการดูเมล์ เนื้อความทั้งหมดจะแสดงโดยการกดเบา ๆ เครื่องก็จะแสดงข้อความทั้งหมด

"peek and pop" ทำให้สามารถดู web links ต่าง ๆ โดยไม่ต้องเปิด Safari ตรวจสอบรูปภาพต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเปิดเอกสารและตรวจสอบที่อยู่ได้โดยไม่ต้องใช้ Maps เพียงแค่การใช้นิ้วปัดมาเพื่อจัดการกับอีเมล์แล้วใส่เป็น short cut หรือการเพิ่มลงใน reading list การปัดซ้ายหรือขวาเพื่อดูข้อความจากนั้นสามารถจัดการได้ว่าจะลบทิ้งหรือบันทึกว่ายังไม่ได้อ่านข้อความ


quick actions คืออะไร ?

3D Touch สามารถปลดล๊อคเมนู short cut ได้โดยการกดหนักบนไอคอน home screen app ซึ่งสามารถกดที่ไอคอนกล้องถ่ายรูปได้เพื่อการถ่ายเซลฟี่ บันทึกวิดีโอ การถ่ายแบบ slo-mo หรือการถ่ายรูปแบบอื่นๆ ในขณะที่การกดแรงไปที่ Messages ก็จะทำให้เขียนข้อความได้เช่นกัน Appleเสนอเทคโนโลยีนี้กับ Facebook และ Instagram รอเพียงการพัฒนาจากผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น นำไปปรับใช้ต่อไป


3D Touch สามารถใช้งานแบบอื่นได้หรือไม่ ?

"peek and pop" และ "quick action" เป็นเรื่องใหม่แต่ไม่ใช่แปลกสำหรับ iPhone ที่ใช้เรื่องแรงกดลงบนหน้าจอมาเป็นจุดเด่นในการใช้งาน iOS 9 ที่กำลังจะมาถึง

ซึ่งสามารถใช้คุณสมบัติดังกล่าวจัดการกับ Mail,Messages ได้ด้วย สำหรับ Notes การกดเบาๆ ใน sketch mode จะทำให้ได้เส้นปากกาแบบเส้นเล็ก หากกดหนักก็จะได้เส้นทึบสำหรับการวาดภาพได้อีกด้วย นอกจากนี้การกดแบบแรงบนคีย์บอร์ดทำให้กลายเป็น trackpad หากปัดไปทางซ้ายจะปรากฏ app ต่าง ๆ ที่กำลังใช้งาน และกดซ้ำก็จะเป็นการเปิดใช้งานนั่นเอง


มีการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเครื่อง

ใช้ CPU A9 ,ชิบ 64 bit และ M9 motion coprocessor ซึ่งจะทำให้สามารถ เก็บข้อมูลด้าน fitness ด้วยเซนเซอร์ accelerometer, gyroscope, barometer และเข็มทิศ

นอกจากนี้ชิพ M9 ที่ผสานรวมอยู่ด้วยก็ยังเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและชาญฉลาดจนทำให้ Siri นั้นพร้อมเสมอ ที่จะรอรับคำสั่งเสียงจากคุณ เพียงแค่มี iPhone 6s ใกล้ๆ คุณก็เรียกใช้งาน Siri ได้ทันที แค่พูดว่า "หวัดดี Siri" ง่ายๆ เท่านี้เอง

กล้องที่ดีมากยิ่งขึ้น

iSight ปรับเพิ่มเป็น 12-megapixel จากแต่เดิมที่เป็น 8-megapixel และเพิ่มเซนเซอร์ตัวใหม่ คือ image signal sensor อีกทั้งมีการปรับปรุงระบบ stabilization ทำให้ภาพถ่ายมีความคมชัดมากกว่าที่เคยมีมา

นอกจากนี้ Live Photos ของ iPhone 6s หรือ iPhone 6s Plus จะถ่ายภาพก่อนและหลังเหตุการณ์ 1.5 วินาทีเพื่อให้ภาพมีการเคลื่อนไหว โดยการกดที่ภาพก็จะมีวีดีโอสั้น ๆ ให้อีกด้วย ซึ่งสามารถนำไปทำเป็นวอลล์เปเปอร์หรือรูปหน้าบน Apple Watch ได้

ระบบการบันทึกวิดีโอแบบ 4K ที่มีการปรับเป็น 3840x2160 ที่ 30 fps ดีกว่าแบบเดิมถึง 4 เท่าและยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในรุ่น 6s Plus อีกด้วย

Facetime ด้วยกล้อง 5-megapixel และแฟลชแบบเรติน่า ทำให้ภาพคมชัดแม้การถ่ายเซลฟี่ที่มีแสงน้อยก็ตาม


ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ lock screen

ด้วย iOS 9 ทำให้ภาพบนหน้าจอ lock screen สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกับภาพเคลื่อนไหวที่เห็นบน Apple Watch คุณสามารถดูปลาว่ายน้ำบนหน้าจอหรือควันสีฟ้าจาง ๆ บนหน้าจอได้แล้ว เหล่านี้เป็นฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่แสดงถึงศักยภาพกราฟฟิคของ Apple ได้อย่างน่าสนใจ


ระบบไร้สายที่ดีขึ้น

iPhone รุ่นใหม่รองรับ 23 LTE ซึ่งทำให้การสื่อสารรวดเร็วแม้เดินทางไปต่างแดน

อุปกรณ์เสริม

iPhone 6s / 6s Plus ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็น เคสซิลิโคลน เคสหนัง และที่น่าสนใจมากที่สุดคงนี้ไม่พ้น แท่นวาง Lightning เพื่อชาร์จและซิงค์ iPhone ที่มีช่องต่อ Lightning ได้ โดย iPhone ของคุณจะอยู่ในตำแหน่งแนวตั้งบนแท่นวางขณะที่ทำการซิงค์หรือชาร์จ จึงเหมาะสำหรับวางไว้บนโต๊ะหรือเคาน์เตอร์

Latest News